การดื่มกาแฟ เสี่ยงเป็นมะเร็งจริงหรือไม่?
หน้าแรก
ดื่มกาแฟเสี่ยงเป็นมะเร็งจริงหรือไม่?

ดื่มกาแฟเสี่ยงเป็นมะเร็งจริงหรือไม่?

การดื่มกาแฟ เสี่ยงเป็นมะเร็งจริงหรือไม่? ปฏิเสธไม่ได้ว่า “กาแฟ” เป็นเครื่องดื่มยอดนิยม โดยเฉพาะในกลุ่มคนทำงาน เพราะกาแฟมีสารคาเฟอีนที่ทำให้ตื่นตัว กระปรี้กระเปร่า และรู้สึกสดชื่นตลอดวัน ซึ่งเป็นผลดีต่อการทำงานในชีวิตประจำวัน แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีข้อมูลของการเกิดมะเร็งจากการดื่มกาแฟออกมา กลายเป็นข้อสงสัยอยู่ว่าข้อมูลดังกล่าวจริงเท็จอย่างไร และถ้าหากเป็นความจริง อัตราความเสี่ยงของกาแฟจะทำให้เกิดมะเร็งมากหรือน้อยแค่ไหนกัน

ที่มาของความเชื่อเรื่องกาแฟทำให้เป็นมะเร็ง

ความเชื่อที่ว่า การดื่มกาแฟ ทำให้เป็นมะเร็งนั้นมาจากสารในกาแฟที่ชื่อว่า “อะคริลาไมด์” (Acrylamide) เป็นสารที่สัมพันธ์กับโรคมะเร็ง หากร่างกายได้รับสารดังกล่าวเกินปริมาณที่กำหนดไว้ จะมีความเสี่ยงและทำให้เป็นมะเร็งได้ โดยสารชนิดนี้สามารถพบได้ในผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่มีการนำมาผ่านความร้อนสูง เช่น ขนมอบกรอบที่ต้องผ่านการทอดด้วยความร้อนสูง เป็นต้น รวมถึงกาแฟก็เช่นกัน ที่อาจเกิดสารอะคริลาไมด์ได้จากขั้นตอนการคั่วกาแฟ รวมถึงขั้นตอนการทำกาแฟสำเร็จรูปที่ทำให้เกิดสารอะคริลาไมด์อีกครั้งหนึ่ง

ปริมาณการได้รับสารอะคริลาไมด์ที่เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง

มีตัวเลขกำหนดไว้ว่าร่างกายควรได้รับสารอะคริลาไมด์ไม่เกิน 2.6 ไมโครกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม หากได้รับมากกว่าที่กำหนดไว้จะทำให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็ง

กาแฟมีสารก่อมะเร็ง (อะคริลาไมด์) มากเท่าไร

จากการศึกษาของประเทศโปแลนด์พบว่าในกาแฟคั่วบดหรือกาแฟสด 160 ซีซี (ประมาณ 1 แก้ว) มีสารอะคริลาไมด์ 0.15-1 ไมโครกรัม แสดงว่าหากคนที่มีน้ำหนักตัว 40 กิโลกรัม จะมีความเสี่ยงเป็นมะเร็งจากการดื่มกาแฟได้นั้น ต้องได้รับสารอะคริลาไมด์เกิน 40×2.6 = 104 ไมโครกรัม โดยในกาแฟ 1 แก้วมีสารอะคริลาไมด์ 0.15-1 ไมโครกรัม แปลว่าในคนที่มีน้ำหนัก 40 กิโลกรัมจะต้องบริโภคกาแฟมากกว่า 104 แก้ว จึงจะมีความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง แสดงให้เห็นว่าการดื่มกาแฟในปริมาณปกตินั้น ไม่ได้มีความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งแต่อย่างใด

ผลลัพธ์อื่นจาก การดื่มกาแฟ

  • ในกาแฟมีคาเฟอีน ทำให้ตื่นตัว สดใส กระปรี้ประเปร่า
  • ผลข้างเคียงเล็กน้อย ได้แก่ ทำให้ชีพจรเต้นเร็วขึ้น ความดันโลหิตสูงขึ้นเล็กน้อย จึงไม่เหมาะกับคนที่เป็นโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ และผู้ป่วยความดันโลหิตสูงที่ยังควบคุมโรคได้ไม่ดี
  • กาแฟมีความเป็นกรดพอสมควร จึงทำให้เกิดการระคายเคืองที่กระเพาะอาหาร จึงไม่เหมาะกับผู้ป่วยกรดไหลย้อน เพราะจะกระตุ้นให้ตัวโรคมีอาการรุนแรงขึ้น
  • ฤทธิ์ของคาเฟอีนที่ทำให้ตื่นตัวหากได้รับผิดเวลาจะทำให้นอนไม่หลับ ข้อแนะนำคือควรได้รับในช่วงครึ่งเช้าของวัน หรือพยายามอย่าให้เกิน 00 น.
  • ในกาแฟมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันมะเร็งและโรคเส้นเลือดอุดตัน เคยมีการศึกษาพบว่าในคนที่บริโภคกาแฟดำ 2 แก้วขึ้นไป มีอัตราการเกิดมะเร็งน้อยกว่าประชากรทั่วไป
  • การศึกษาฤทธิ์ที่เป็นประโยชน์ของกาแฟทั้งหมดเป็นการศึกษาในกาแฟดำ การดื่มกาแฟที่ใส่ครีมหรือน้ำตาลมากยังต้องระมัดระวังภาวะอ้วน ไขมันในเลือดสูง และน้ำตาลสูงจากน้ำตาล ครีม หรือครีมเทียมที่เติมเข้าไป

 

ข้อมูลจาก
ผศ. นพ.สหภูมิ ศรีสุมะ
สาขาวิชาเภสัชวิทยาและพิษวิทยาคลินิก ภาควิชาอายุรศาสตร์
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี
มหาวิทยาลัยมหิดล


คลิกชมคลิปรายการ “การดื่มกาแฟ มีผลทำให้เป็นมะเร็งจริงหรือไม่?” ได้ที่นี่

ติดตาม Rama Channel เพื่อรับข้อมูลด้านสุขภาพเพิ่มเติมได้ที่ 
RAMA Channel

บทความที่เกี่ยวข้อง

โรคตับคั่งไขมัน รู้ให้ทัน ปรับพฤติกรรมให้ไว
โรคตับคั่งไขมันเป็นภาวะที่ไขมันสะสมในตับมากเกินไป เสี่ยงตับอักเสบ ตับแข็ง และมะเร็งตับ หากรู้ทันและรีบปรับพฤติกรรมการกิน ออกกำลังกาย
บทความสุขภาพ
09-09-2025

0

OPD และ IPD ต่างกันอย่างไร ?
OPD และ IPD คือการใช้บริการในโรงพยาบาลที่ต่างกัน OPD คือผู้ป่วยนอกที่ไม่ต้องนอนรักษา ส่วน IPD คือผู้ป่วยในที่ต้องนอนพักรักษาตัวภายใต้การดูแล
บทความสุขภาพ
08-09-2025

0

ยาคลายกล้ามเนื้อ Tolperisone
ยาคลายกล้ามเนื้อ Tolperisone การใช้บ่อย ๆ อาจเสี่ยงเกิดผลข้างเคียง เช่น เวียนศีรษะ ง่วงซึม ความดันต่ำ หรือดื้อยาได้ ควรใช้ภายใต้คำแนะนำ
บทความสุขภาพ
08-09-2025

1

กระเพาะปัสสาวะอักเสบ ปวด แสบ ขัด
กระเพาะปัสสาวะอักเสบทำให้ปัสสาวะแสบ ขัด และปวดบ่อย หากละเลยอาจลุกลามเป็นกรวยไตอักเสบ ควรรู้ทันอาการ สาเหตุ และวิธีป้องกันอย่างถูกต้อง
บทความสุขภาพ
07-09-2025

0

ปรึกษาปัญหาสุขภาพ
0 2201 1000
0 2200 3000

งานสื่อสารองค์กร คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี

270 ถนนพระรามที่ 6 แขวงทุ่งพญาไท
เขตราชเทวี กรุงเทพฯ 10400
โทร. 0 2201 0182
โทรสาร 0 2201 2127
อีเมล ramachannel24@gmail.com

© 2024, RAMA CHANNEL