ข้อเท้าตก หรือที่หลายคนเรียกว่าภาวะข้อเท้ากระดกไม่ขึ้น เป็นอาการที่ใครเจอก็คงรู้สึกกังวล เพราะไม่ใช่แค่เรื่องข้อเท้า แต่ยังส่งผลต่อการเคลื่อนไหว การเดิน และการใช้ชีวิตประจำวันอย่างชัดเจน หลายคนอาจมองข้ามอาการนี้เพราะคิดว่าแค่เคล็ดขัดยอกหรือเมื่อย สะดุดล้มบ่อยโดยไม่มีเหตุอันควร แต่จริง ๆ แล้ว ข้อเท้าตกเป็นสัญญาณเตือนของปัญหาทางระบบประสาทและกล้ามเนื้อที่ไม่ควรละเลย ถ้าได้รับการดูแลหรือรักษาไม่ถูกต้อง อาจกระทบต่อการทำงาน การออกกำลังกาย หรือแม้แต่การใช้ชีวิตประจำวัน บทความนี้จะพาทุกคนไปรู้จักภาวะข้อเท้าตกให้ละเอียดขึ้น พร้อมวิธีป้องกันและแนวทางการรักษาที่เหมาะสม
ข้อเท้าตก คืออะไร ?
ข้อเท้าตก (Foot Drop) คือ ภาวะที่ผู้ป่วยไม่สามารถกระดกข้อเท้าขึ้นได้ตามปกติ ทำให้ปลายเท้าชี้ลงขณะเดิน หรือไม่สามารถยกเท้าขึ้นจากพื้นได้เหมือนคนปกติ ส่งผลให้เวลายกขาเดินจะต้องยกขาสูงกว่าปกติ หรือบางคนอาจลากปลายเท้าไปกับพื้น ข้อเท้าตกไม่ได้เป็นโรคแต่เป็น “อาการ” ที่บ่งบอกถึงความผิดปกติของระบบประสาท กล้ามเนื้อ หรือเส้นเอ็นที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมการเคลื่อนไหวของข้อเท้า
ภาวะนี้อาจเกิดขึ้นที่ข้างเดียวหรือทั้งสองข้างก็ได้ ผู้ป่วยบางรายอาจสังเกตเห็นว่าเวลาเดินจะสะดุดบ่อย เดินไม่ถนัด หรือล้มบ่อย ๆ เพราะควบคุมเท้าไม่ได้ตามต้องการ
อาการของข้อเท้าตกเป็นอย่างไร ?
ผู้ป่วยจะไม่สามารถกระดกเท้าได้ หรือกระดกเท้าไม่ขึ้น ทำให้ยกเท้าไม่พ้นพื้นจึงสะดุดเท้าตัวเองล้มหรือสะดุดวัตถุอื่นแล้วล้มได้ง่าย ผู้ป่วยจึงพยายามที่จะยกข้อเท้าให้สูงขึ้นกว่าเดิม ทำให้ท่าเดินผิดปกติและทรงตัวได้ยากขึ้นหรือทำให้ล้มได้ง่าย นอกจากนี้อาจมีอาการชาบริเวณขาด้านข้าง รวมไปถึงบริเวณเท้าด้านบน
สาเหตุของภาวะข้อเท้าตกมีอะไรบ้าง ?
ข้อเท้าตกเกิดขึ้นจากหลายสาเหตุ แต่หลัก ๆ มักเกี่ยวข้องกับปัญหาทางระบบประสาทและกล้ามเนื้อ สาเหตุที่พบได้บ่อย เช่น
- เกิดจากเส้นประสาทที่ชื่อว่าพีโรเนียลซึ่งอยู่ใกล้ผิวหนังบริเวณข้างหัวเข่าด้านนอก ทำให้มักบาดเจ็บได้ง่ายจากการถูกกดทับ ทำให้เส้นประสาทได้รับความเสียหาย
- อาการจากโรคเกี่ยวกับสมองและไขสันหลัง
- ผู้ป่วยอัมพฤกษ์-อัมพาต
- อุบัติเหตุบริเวณหัวเข่า เช่น กระดูกหัก ข้อเข่าเคลื่อน อาจทำให้เส้นประสาทได้รับบาดเจ็บได้
- โรคประจำตัวอื่น ๆ เช่น กระดูกสันหลังกดทับเส้นประสาท หรือโรคที่ทำให้ภาวะปลายประสาทมีปัญหา เช่น โรคเบาหวาน โรคข้อหลังแข็ง โรคทางพันธุกรรมบางชนิดที่มีผลต่อระบบประสาท เป็นต้น
วิธีรักษาและฟื้นฟูภาวะข้อเท้าตกมีอะไรบ้าง?
การรักษาและฟื้นฟูภาวะข้อเท้าตกต้องพิจารณาจากสาเหตุและความรุนแรงของอาการ โดยทั่วไปแนวทางหลัก ๆ จะมีดังนี้
- กายภาพบำบัด การทำกายภาพบำบัดเป็นหัวใจสำคัญของการฟื้นฟูข้อเท้าตก นักกายภาพบำบัดจะช่วยออกแบบท่าออกกำลังกายเฉพาะที่เหมาะกับผู้ป่วยแต่ละราย เช่น ท่าบริหารกล้ามเนื้อหน้าแข้ง ท่ายืดเส้น รวมถึงฝึกเดินเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงและป้องกันกล้ามเนื้อลีบ
- การใส่อุปกรณ์พยุงข้อเท้า อุปกรณ์พยุงข้อเท้าหรือ AFO จะช่วยประคองข้อเท้าให้อยู่ในตำแหน่งปกติ ลดการลากปลายเท้าและลดความเสี่ยงต่อการสะดุดล้ม ช่วยให้เดินได้มั่นคงมากขึ้น
- การใช้ยาถ้าสาเหตุของข้อเท้าตกเกิดจากการอักเสบของเส้นประสาทหรือมีอาการปวดร่วม แพทย์อาจจ่ายยาเพื่อลดอักเสบหรือบรรเทาอาการปวด
- การผ่าตัด ในบางกรณี เช่น เส้นประสาทถูกกดทับรุนแรงหรือมีพยาธิสภาพที่รักษาด้วยวิธีอื่นไม่ได้ อาจต้องใช้การผ่าตัดเพื่อคลายการกดทับหรือซ่อมแซมเส้นประสาท
- การฝึกเดินและฝึกการเคลื่อนไหว การฝึกเดินอย่างถูกวิธีและใช้อุปกรณ์ช่วยเดิน เช่น ไม้เท้าหรือวอล์คเกอร์ จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยและลดความเสี่ยงต่อการล้ม
วิธีป้องกันภาวะข้อเท้าตก
แม้ข้อเท้าตกจะเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ โดยเฉพาะปัญหาจากระบบประสาทและกล้ามเนื้อ แต่เราสามารถลดความเสี่ยงและป้องกันอาการนี้ได้ด้วยวิธีการดูแลตัวเองในชีวิตประจำวันดังนี้
- หลีกเลี่ยงท่าทางที่เสี่ยงต่อการกดทับเส้นประสาท การนั่งไขว่ห้าง นั่งท่าเดิมนาน ๆ หรือการกดทับขาข้างใดข้างหนึ่งเป็นเวลานาน อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการกดทับเส้นประสาทส่วนปลาย โดยเฉพาะเส้นประสาทพีโรเนียล ที่ควบคุมการกระดกข้อเท้า ดังนั้นควรเปลี่ยนอิริยาบถบ่อย ๆ และหลีกเลี่ยงการนั่งท่าที่เสี่ยง
- ออกกำลังกายเสริมสร้างความแข็งแรงกล้ามเนื้อขา การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เช่น เดินเร็ว ว่ายน้ำ หรือออกกำลังกายกล้ามเนื้อขา จะช่วยให้กล้ามเนื้อแข็งแรง ลดโอกาสเกิดข้อเท้าตก และยังช่วยเรื่องความยืดหยุ่นของข้อเท้าอีกด้วย
- ป้องกันอุบัติเหตุและการบาดเจ็บ ใส่รองเท้าที่กระชับ พื้นไม่ลื่น และระมัดระวังขณะทำกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการลื่นล้มหรือได้รับแรงกระแทก เช่น เล่นกีฬา เดินบนพื้นที่ต่างระดับ
- ดูแลและควบคุมโรคประจำตัว ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ควรดูแลควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ เพราะเส้นประสาทอาจเสื่อมลงได้หากควบคุมโรคไม่ดี
- สังเกตอาการผิดปกติแต่เนิ่น ๆ หากเริ่มรู้สึกว่าขาอ่อนแรง เดินสะดุด หรือปลายเท้าลากพื้น ควรรีบพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุและเข้ารับการรักษาแต่เนิ่น ๆ
ข้อเท้าตกเป็นภาวะที่ไม่ควรมองข้าม เพราะนอกจากจะกระทบต่อการเดินและการใช้ชีวิตประจำวัน ยังเป็นสัญญาณเตือนของโรคหรือภาวะผิดปกติในร่างกาย การรู้เท่าทันอาการ สาเหตุ วิธีรักษา และการป้องกัน จะช่วยให้คุณกลับมาเคลื่อนไหวอย่างมั่นใจ และใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่ หากมีอาการผิดปกติ ควรรีบปรึกษาแพทย์ เพื่อการวินิจฉัยและรักษาที่เหมาะสมตั้งแต่เนิ่น ๆ
ข้อมูลโดย
ผศ.พญ.ทรงสุดา รุ่งใสวัฒนา
ภาควิชาเวชศาสตร์ฟื้นฟู
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
คลิกชมคลิปรายการ “ภาวะข้อเท้าตก”กับความลำบากในการใช้ชีวิต: พบหมอรามา ช่วง Rama Health Talk” ได้ที่นี่
ติดตาม Rama Channel เพื่อรับข้อมูลด้านสุขภาพเพิ่มเติมได้ที่
Website Ramathibodi: https://www.rama.mahidol.ac.th/
Youtube: RAMA Channel
Facebook: รามาแชนแนล Rama Channel
LINE: Ramathibodi
TikTok: ramachanneltv รามาแชนแนล ช่องของคนรักสุขภาพ