โรคหูดับ จากการ กินหมูดิบ หรือโรคสเตร็พโตค็อกคัสซูอิส โรคติดเชื้อแบคทีเรียที่ติดต่อสู่คนได้จากการบริโภคเนื้อหมูดิบหรืออาหารที่ทำจากหมูดิบ
หน้าแรก
กินหมูดิบ เสี่ยง ! โรคหูดับ จริงหรือ ?

กินหมูดิบ เสี่ยง ! โรคหูดับ จริงหรือ ?

โรคหูดับ จากการ กินหมูดิบ หรือโรคสเตร็พโตค็อกคัส ซูอิส (Streptococcus suis) เป็นโรคติดเชื้อแบคทีเรียที่สามารถติดต่อสู่คนได้จากการ กินหมูดิบ หรืออาหารที่ทำจากหมูดิบ ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญในหลายประเทศ โดยเฉพาะในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงประเทศไทย การรู้แนวทางป้องกันและสาเหตุของการเกิดโรคหูดับจะช่วยลดอัตราการเกิดโรคนี้ได้

โรคหูดับ จากการ กินหมูดิบ หรือโรคสเตร็พโตค็อกคัสซูอิส โรคติดเชื้อแบคทีเรียที่ติดต่อสู่คนได้จากการบริโภคเนื้อหมูดิบหรืออาหารที่ทำจากหมูดิบ

โรคหูดับเกิดจากอะไร ?

โรคหูดับ” หรือ “โรคไข้หูดับ” เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย สเตร็พโตค็อกคัส ซูอิส (Streptococcus suis) ซึ่งอยู่ในทางเดินหายใจและในเลือดของหมูที่กำลังป่วย สามารถติดต่อสู่คนได้จากการสัมผัสโดยตรงกับหมูที่ติดเชื้อ ทั้งเนื้อหมู เครื่องใน และเลือดหมูที่เป็นโรค ผ่านทางบาดแผล รอยถลอก เยื่อบุตา และการรับประทานเนื้อหมู หรือเลือดของหมูที่ปรุงสุก ๆ ดิบ ๆ

สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ – ไข้หูดับ ภัยร้ายจากหมูดิบ

โรคหูดับมีอาการเป็นอย่างไร ?

โรคหูดับจากการรับประทานเนื้อหมูดิบ อาการจะเริ่มแสดงให้เห็นภายใน 3 วัน โดยมักมีอาการไข้สูง ปวดเมื่อยตามตัว ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ ปวดตามข้อ มีจ้ำเลือดตามตัวและตามผิวหนัง ซึม คอแข็ง ชัก เมื่อเชื้อเข้าสู่เยื่อหุ้มสมอง และกระแสเลือด ทําให้เยื่อหุ้มสมองอักเสบ ข้ออักเสบ ม่านตาอักเสบได้ เชื้อสามารถลุกลามไปยังบริเวณปลายประสาทรับเสียง และปลายประสาททรงตัว ทำให้หูตึงไปจนถึงหูหนวกและสูญเสียการทรงตัว

สามารถเช็กอาการของโรคหูดับหรือไข้หูดับอาการเริ่มต้นไปจนถึงอาการรุนแรงได้ดังนี้

  • ไข้สูง
  • ปวดศีรษะ
  • คลื่นไส้ อาเจียน
  • ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
  • รวมถึงเยื่อหุ้มสมองอักเสบ (Meningitis) และการติดเชื้อในกระแสเลือด (Sepsis) ซึ่งสามารถทำให้เกิดการสูญเสียทางการได้ยินจนถึงหูหนวกถาวรหรือเสียชีวิตได้

โรคหูดับ จากการ กินหมูดิบ หรือโรคสเตร็พโตค็อกคัสซูอิส โรคติดเชื้อแบคทีเรียที่ติดต่อสู่คนได้จากการบริโภคเนื้อหมูดิบหรืออาหารที่ทำจากหมูดิบ

ใครบ้างเสี่ยงติดเชื้อ โรคหูดับ ?

โรคหูดับ หรือ ไข้หูดับ (Streptococcus suis) สามารถเกิดขึ้นกับใครก็ได้ที่มีการสัมผัสกับเชื้อแบคทีเรียนี้ อย่างไรก็ตาม มีกลุ่มคนที่มีความเสี่ยงสูงที่จะติดเชื้อและเกิดอาการรุนแรงจากโรคหูดับนี้ได้มากกว่ากลุ่มอื่น ๆ ได้แก่

  • ผู้บริโภคเนื้อหมูดิบหรืออาหารที่ทำจากหมูดิบ ผู้ที่มีวัฒนธรรมการบริโภคอาหารดิบหรือสุก ๆ ดิบ ๆ ซึ่งเป็นอาหารที่ได้รับความนิยมในบางภูมิภาค รวมไปถึงผู้ที่ชื่นชอบการบริโภคอาหารที่ไม่ได้ปรุงสุกอย่างถูกสุขลักษณะ การบริโภคเนื้อหมูที่ไม่ผ่านการปรุงสุกในอุณหภูมิที่เหมาะสม อาจทำให้เชื้อแบคทีเรียยังคงอยู่และก่อให้เกิดโรคหูดับตามมา
  • ผู้ที่มีอาชีพเกี่ยวข้องกับการเลี้ยงหรือจัดการหมู โรคหูดับมักเกิดในกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงหมูเนื่องจากจำเป็นต้องมีการสัมผัสกับหมูเป็นประจำ รวมไปถึงผู้ประกอบอาชีพในโรงฆ่าสัตว์ก็มีความเสี่ยงสูงที่จะสัมผัสกับเชื้อแบคทีเรียจากหมูได้ และพ่อค้าแม่ค้าเนื้อหมูที่อาจมีการสัมผัสกับเนื้อหมูดิบเป็นประจำทุกวัน
  • ผู้ประกอบอาชีพในโรงงานผลิตเนื้อหมูและผลิตภัณฑ์จากหมู ผู้ที่ทำงานในโรงงานแปรรูปเนื้อหมู เช่น การผลิตไส้กรอก หมูยอ หรือผลิตภัณฑ์จากหมูอื่น ๆ ที่อาจมีการสัมผัสกับเนื้อหมูดิบ ทำให้เสี่ยงต่อการเป็นโรคหูดับ
  • ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอหรือมีโรคประจำตัว ผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น ผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วยยากดภูมิคุ้มกัน ผู้ป่วยโรคเบาหวาน หรือผู้ป่วยโรคไต รวมถึงกลุ่มผู้สูงอายุมีความเสี่ยงสูงเนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันที่เสื่อมลงตามวัย เมื่อได้รับเชื้อทำให้ง่ายต่อการเป็นโรคหูดับ
  • ผู้ที่มีการสัมผัสกับสัตว์ที่ติดเชื้อ ผู้ที่เลี้ยงสัตว์เลี้ยงในฟาร์มนอกจากหมูแล้ว อาจรวมถึงสัตว์เลี้ยงอื่น ๆ ที่มีโอกาสสัมผัสกับหมูที่ติดเชื้อได้ เมื่อสัมผัสกับเชื้อแล้ว ก็เกิดเป็นความเสี่ยงในการเป็นโรคหูดับ

โรคหูดับรักษาหายไหม ? แนวทางการรักษาและวินิจฉัย

การรักษาโรคหูดับจำเป็นต้องได้รับการรักษาในโรงพยาบาล โดยแพทย์จะให้การรักษาโดยใช้ยาปฏิชีวนะ เช่น เพนิซิลลิน เซฟาโลสปอริน หรือแวนโคมัยซิน เพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และทำการรักษาตามอาการของผู้ป่วยในแต่ละราย เช่น การให้ยาลดไข้ ยาแก้ปวด และการดูแลรักษาในหอผู้ป่วยหนัก (ICU) ในกรณีที่มีอาการรุนแรง โดยแพทย์จะทำการวินิจฉัยโรคหูดับโดยการซักประวัติการบริโภคอาหาร ตรวจร่างกาย ตรวจเลือด เพื่อหาเชื้อแบคทีเรีย Streptococcus suis และเจาะหลัง (Lumbar puncture) เพื่อตรวจสอบน้ำไขสันหลังในกรณีที่สงสัยว่าเป็นเยื่อหุ้มสมองอักเสบ

วิธีป้องกัน โรคหูดับ

การป้องกันโรคไข้หูดับจากหมูดิบ มีวิธีและแนวทางในการป้องกัน ดังนี้

  • หลีกเลี่ยงการบริโภคเนื้อหมูและผลิตภัณฑ์จากหมูที่ ดิบ หรือสุก ๆ ดิบ ๆ เช่น ลาบ หลู้ หมูหมักดิบ ก้อยหมู 
  • แยกอุปกรณ์ที่ใช้รับประทานอาหาร เช่น ตะเกียบ ช้อนส้อม ที่ใช้กับหมูไม่สุกและหมูสุก
  • เลือกบริโภคเนื้อหมูที่มาจากแหล่งผลิตที่ได้มาตรฐาน หมูที่ผ่านการตรวจสอบจากกรมปศุสัตว์ ปลอดจากเชื้อโรค
  • ปรุงเนื้อหมูให้สุกทั่วถึง
  • ไม่ใช้เขียงหมูดิบในการหั่นอาหารอื่นที่จะรับประทานโดยไม่ปรุงสุกเพิ่ม เช่น ผักสด ผลไม้สด หรืออาหารอื่นที่สุกแล้ว เพราะจะทำให้มีการปนเปื้อนเชื้อโรค
  • ล้างมือให้สะอาดด้วยน้ำสบู่ ก่อนและหลังสัมผัสเนื้อหมู
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับหมูที่ป่วยหรือตาย หากจำเป็นต้องสัมผัส ควรสวมถุงมือและหน้ากากอนามัย
  • เกษตรกรผู้เลี้ยงหมูควรหมั่นสังเกตอาการของหมู หากพบหมูมีอาการป่วย ควรรีบแยกหมูออกจากฝูง และแจ้งเจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์ในพื้นที่ทราบ

การป้องกันโรคหูดับจากหมูดิบเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อและป้องกันการแพร่ระบาดของโรค

 

ข้อมูลจาก

อ. พญ.ทศพร วิศุภกาญจน์ 

ภาควิชาโสต ศอ นาสิกวิทยา

คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี

มหาวิทยาลัยมหิดล

 

อย่าลืมกดติดตามช่อง Rama Channel ที่น่าสนใจอีกมากมายได้ที่ 

Website: https://www.rama.mahidol.ac.th/ramachannel/

Website Rama mahidol : https://www.rama.mahidol.ac.th/

Facebook: https://www.facebook.com/ramachannel

Line: https://page.line.me/ramathibodi

Tiktok: https://www.tiktok.com/@ramachanneltv

RAMA Channel

บทความที่เกี่ยวข้อง

เจ็บส้นเท้าทุกครั้งที่ลุกเดินระวัง โรครองช้ำ
เจ็บส้นเท้าเวลาลุกเดินอาจเป็นสัญญาณโรครองช้ำ ภัยเงียบของคนที่ใช้เท้าหนักหรือยืนนาน หากละเลยอาจปวดเรื้อรัง รู้ทันอาการและวิธีป้องกัน
บทความสุขภาพ
25-09-2025

1

กินเห็ดหน้าฝน ระวัง! เห็ดพิษตัวร้าย แค่คำเดียวอาจถึงชีวิต
การกินเห็ดในหน้าฝนเสี่ยงอันตรายจากเห็ดพิษที่แยกยากจากเห็ดกินได้ เพียงคำเดียวอาจทำลายตับ ไต หรือถึงชีวิต ควรรู้จักวิธีเลือกและหลีกเลี่ยง
บทความสุขภาพ
24-09-2025

2

ข้อเท้าตก กระดกไม่ขึ้น ไม่ใช่แค่เรื่องข้อเท้า แต่สะดุด กระทบทุกจังหวะชีวิต
ข้อเท้าตกหรืออาการกระดกข้อเท้าไม่ขึ้น ไม่ใช่เพียงปัญหาข้อเท้า แต่เกี่ยวข้องกับเส้นประสาทและกล้ามเนื้อ หากไม่รักษาอาจสะดุดล้มบ่อย
บทความสุขภาพ
23-09-2025

2

RSV โรคฮิตในเด็กเล็กที่พ่อแม่ต้องรู้
RSV เป็นไวรัสที่พบบ่อยในเด็กเล็ก ทำให้มีอาการไอ มีน้ำมูก หายใจลำบาก และเสี่ยงปอดอักเสบ พ่อแม่ควรรู้วิธีป้องกัน สังเกตอาการ และรีบพบแพทย์
บทความสุขภาพ
22-09-2025

2

ปรึกษาปัญหาสุขภาพ
0 2201 1000
0 2200 3000

งานสื่อสารองค์กร คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี

270 ถนนพระรามที่ 6 แขวงทุ่งพญาไท
เขตราชเทวี กรุงเทพฯ 10400
โทร. 0 2201 0182
โทรสาร 0 2201 2127
อีเมล ramachannel24@gmail.com

© 2024, RAMA CHANNEL