กระเพาะปัสสาวะอักเสบ ปวด แสบ ขัด
หน้าแรก
กระเพาะปัสสาวะอักเสบ ปวด แสบ ขัด โรคใกล้ตัวที่ห้ามมองข้าม !

กระเพาะปัสสาวะอักเสบ ปวด แสบ ขัด โรคใกล้ตัวที่ห้ามมองข้าม !

“ปวด แสบ ขัด เวลาปัสสาวะ” หลายคนอาจเคยประสบกับอาการเหล่านี้ แล้วมองข้ามไปว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่รู้หรือไม่ว่า นี่อาจเป็นสัญญาณของ โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ซึ่งหากไม่ได้รับการดูแลที่เหมาะสม อาจลุกลามจนเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงได้ บทความนี้ Rama Channel จะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบอย่างละเอียด เข้าใจถึงสาเหตุ อาการ กลุ่มเสี่ยง การรักษา และวิธีป้องกัน เพื่อให้คุณดูแลสุขภาพตนเองได้ดียิ่งขึ้น

กระเพาะปัสสาวะอักเสบ คืออะไร ?

กระเพาะปัสสาวะอักเสบ คืออะไร

กระเพาะปัสสาวะอักเสบ (cystitis) คือ ภาวะที่เยื่อบุภายในกระเพาะปัสสาวะเกิดการอักเสบ มักเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย โดยเฉพาะเชื้อ escherichia coli (E. coli) ที่พบได้บ่อยในระบบทางเดินอาหาร โรคนี้สามารถเกิดได้กับทุกเพศทุกวัย แต่พบมากในผู้หญิง เนื่องจากท่อปัสสาวะสั้นและอยู่ใกล้ทวารหนัก ทำให้เชื้อโรคเข้าสู่กระเพาะปัสสาวะได้ง่าย

หากปล่อยทิ้งไว้อาจทำให้เชื้อลุกลามไปยังไต ก่อให้เกิด การติดเชื้อในไต หรือ กรวยไตอักเสบ ซึ่งมีอาการรุนแรงและอันตรายมากขึ้น ดังนั้นจึงไม่ควรมองข้ามอาการเริ่มต้นของโรคนี้เด็ดขาด

โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบเกิดจากอะไร

สาเหตุหลักของกระเพาะปัสสาวะอักเสบคือ การติดเชื้อแบคทีเรีย โดยเชื้อจะเข้าสู่ท่อปัสสาวะและเดินทางไปยังกระเพาะปัสสาวะ สาเหตุรองอาจเกิดจากการระคายเคือง เช่น การใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่มีความเป็นกรดหรือด่างสูง การสวนปัสสาวะ หรือการใส่สายสวนปัสสาวะเป็นเวลานาน

บางรายอาจเกิดจาก โรคทางระบบภูมิคุ้มกัน หรือการใช้ยาเคมีบำบัดบางชนิดที่ส่งผลกระทบต่อเยื่อบุภายในกระเพาะปัสสาวะ 

ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดกระเพาะปัสสาวะอักเสบ

ปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรค ได้แก่

  1. เพศหญิง ผู้หญิงมีโอกาสเป็นกระเพาะปัสสาวะอักเสบมากกว่าผู้ชาย เนื่องจากท่อปัสสาวะของผู้หญิงสั้นและอยู่ใกล้กับทวารหนัก ทำให้แบคทีเรียจากบริเวณดังกล่าวเข้าสู่กระเพาะปัสสาวะได้ง่ายขึ้น
  2. การมีเพศสัมพันธ์ การมีเพศสัมพันธ์สามารถผลักดันแบคทีเรียเข้าสู่ท่อปัสสาวะ โดยเฉพาะในผู้หญิงที่มีการใช้ยาฆ่าอสุจิหรือฝาครอบปากมดลูก ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
  3. กลั้นปัสสาวะเป็นเวลานาน การกลั้นปัสสาวะทำให้เชื้อโรคมีเวลาสะสมและเจริญเติบโตในกระเพาะปัสสาวะมากขึ้น เพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
  4. ดื่มน้ำน้อย การดื่มน้ำน้อยทำให้ปัสสาวะเข้มข้นและลดการขับถ่ายของเสียออกจากร่างกาย ส่งผลให้แบคทีเรียสะสมในกระเพาะปัสสาวะได้ง่ายขึ้น
  5. ใช้สายสวนปัสสาวะ การใส่สายสวนปัสสาวะเป็นเวลานานอาจทำให้เกิดการระคายเคืองและเพิ่มโอกาสในการติดเชื้อแบคทีเรียในกระเพาะปัสสาวะ ​
  6. สตรีตั้งครรภ์ การตั้งครรภ์ทำให้มดลูกขยายตัวและกดทับกระเพาะปัสสาวะ ส่งผลให้ปัสสาวะแช่ค้างและเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
  7. โรคประจำตัว ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน นิ่วในไต ต่อมลูกหมากโต หรือการบาดเจ็บที่ไขสันหลัง มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ​
  8. การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ระคายเคือง การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีแรง เช่น สบู่ที่มีน้ำหอม หรือสเปรย์ดับกลิ่นบริเวณอวัยวะเพศ อาจทำให้เกิดการระคายเคืองและเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ

การรู้เท่าทันปัจจัยเสี่ยงจะช่วยให้เราปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อป้องกันโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ

อาการกระเพาะปัสสาวะอักเสบ เป็นอย่างไร ?

อาการที่พบบ่อย ได้แก่

  • ปวดแสบขัดเวลาปัสสาวะ
  • ปัสสาวะบ่อย แต่ปริมาณน้อย
  • ปวดท้องน้อยหรืออุ้งเชิงกราน
  • ปัสสาวะมีกลิ่นเหม็น หรือขุ่น
  • บางรายอาจมีไข้ต่ำ หรือปัสสาวะปนเลือด

หากอาการรุนแรงขึ้น เช่น มีไข้สูง หนาวสั่น ปวดหลังหรือเอว อาจเป็นสัญญาณว่าเชื้อได้ลุกลามไปที่ไต ควรรีบพบแพทย์ทันที

ใครเสี่ยงเป็นโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ

กลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง ได้แก่

  • ผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ เพราะโครงสร้างทางกายภาพ
  • สตรีตั้งครรภ์ การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนและแรงดันจากมดลูกที่กดท่อปัสสาวะ
  • ผู้สูงอายุ ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง
  • ผู้ป่วยเบาหวาน มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
  • ผู้ที่ใส่สายสวนปัสสาวะเป็นประจำ

การสังเกตและเฝ้าระวังตนเองอยู่เสมอจะช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคนี้ได้

การรักษาโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ

การรักษาหลักคือ การใช้ยาปฏิชีวนะ ตามดุลยพินิจของแพทย์ โดยอาจใช้เวลารักษา 3-7 วัน ขึ้นอยู่กับชนิดของเชื้อและความรุนแรง หากเป็นกระเพาะปัสสาวะอักเสบเรื้อรัง อาจต้องตรวจเพิ่มเติม เช่น ตรวจปัสสาวะเพาะเชื้อ หรือส่องกล้องกระเพาะปัสสาวะ

นอกจากการใช้ยา แพทย์อาจแนะนำให้

  • ดื่มน้ำให้มากขึ้น เพื่อขับเชื้อออกทางปัสสาวะ
  • หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่ระคายเคือง เช่น กาแฟ เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
  • ใช้แผ่นประคบร้อนบรรเทาอาการปวด

การรักษาที่เร็วและถูกวิธี จะช่วยป้องกันการลุกลามของเชื้อไปยังอวัยวะอื่น

วิธีป้องกันตัวเองให้ห่างไกลโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ

วิธีป้องกันตัวเองให้ห่างไกลโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ

แนวทางป้องกันง่าย ๆ ที่ทุกคนทำได้

  • ดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 6-8 แก้ว
  • ไม่กลั้นปัสสาวะนานเกินไป
  • รักษาความสะอาดบริเวณอวัยวะเพศ
  • ปัสสาวะก่อนและหลังการมีเพศสัมพันธ์
  • เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่อ่อนโยน ไม่ระคายเคือง
  • หากมีอาการผิดปกติ ควรรีบปรึกษาแพทย์

การดูแลสุขอนามัยพื้นฐานถือเป็นเกราะป้องกันโรคที่ดีที่สุด

กระเพาะปัสสาวะอักเสบ เป็นโรคใกล้ตัวที่ไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะหากมีอาการปวดแสบขัดเวลาปัสสาวะ หรือปัสสาวะบ่อยผิดปกติ ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกวิธี การดูแลสุขภาพให้ดีในชีวิตประจำวัน เช่น ดื่มน้ำมาก ๆ รักษาความสะอาด และไม่กลั้นปัสสาวะ จะช่วยลดโอกาสการเกิดโรคนี้ได้อย่างมาก

เพราะสุขภาพที่ดีเริ่มต้นจากการใส่ใจตนเอง Rama Channel ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนห่างไกลจากโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ และมีชีวิตที่แข็งแรงในทุกวัน

 

ข้อมูลจาก 

ผศ. นพ.ชินเขต เกาสุวรรณ
สาขาวิชาศัลยศาสตร์ระบบปัสสาวะ ภาควิชาศัลยศาสตร์
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล

คลิกชมคลิปรายการ “กระเพาะปัสสาวะอักเสบ โรคใกล้ตัว ใครก็เป็นได้ #พบหมอรามาฯ” ได้ที่นี่

 

ติดตาม Rama Channel เพื่อรับข้อมูลด้านสุขภาพเพิ่มเติมได้ที่ 

Website Ramathibodi: https://www.rama.mahidol.ac.th/
Youtube: RAMA Channel
Facebook: รามาแชนแนล Rama Channel
LINE: Ramathibodi
Tiktok: ramachanneltv รามาแชนแนล ช่องของคนรักสุขภาพ

RAMA Channel

บทความที่เกี่ยวข้อง

เจ็บส้นเท้าทุกครั้งที่ลุกเดินระวัง โรครองช้ำ
เจ็บส้นเท้าเวลาลุกเดินอาจเป็นสัญญาณโรครองช้ำ ภัยเงียบของคนที่ใช้เท้าหนักหรือยืนนาน หากละเลยอาจปวดเรื้อรัง รู้ทันอาการและวิธีป้องกัน
บทความสุขภาพ
25-09-2025

1

กินเห็ดหน้าฝน ระวัง! เห็ดพิษตัวร้าย แค่คำเดียวอาจถึงชีวิต
การกินเห็ดในหน้าฝนเสี่ยงอันตรายจากเห็ดพิษที่แยกยากจากเห็ดกินได้ เพียงคำเดียวอาจทำลายตับ ไต หรือถึงชีวิต ควรรู้จักวิธีเลือกและหลีกเลี่ยง
บทความสุขภาพ
24-09-2025

2

ข้อเท้าตก กระดกไม่ขึ้น ไม่ใช่แค่เรื่องข้อเท้า แต่สะดุด กระทบทุกจังหวะชีวิต
ข้อเท้าตกหรืออาการกระดกข้อเท้าไม่ขึ้น ไม่ใช่เพียงปัญหาข้อเท้า แต่เกี่ยวข้องกับเส้นประสาทและกล้ามเนื้อ หากไม่รักษาอาจสะดุดล้มบ่อย
บทความสุขภาพ
23-09-2025

2

RSV โรคฮิตในเด็กเล็กที่พ่อแม่ต้องรู้
RSV เป็นไวรัสที่พบบ่อยในเด็กเล็ก ทำให้มีอาการไอ มีน้ำมูก หายใจลำบาก และเสี่ยงปอดอักเสบ พ่อแม่ควรรู้วิธีป้องกัน สังเกตอาการ และรีบพบแพทย์
บทความสุขภาพ
22-09-2025

2

ปรึกษาปัญหาสุขภาพ
0 2201 1000
0 2200 3000

งานสื่อสารองค์กร คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี

270 ถนนพระรามที่ 6 แขวงทุ่งพญาไท
เขตราชเทวี กรุงเทพฯ 10400
โทร. 0 2201 0182
โทรสาร 0 2201 2127
อีเมล ramachannel24@gmail.com

© 2024, RAMA CHANNEL