รอยแผลเป็น ปัญหากวนใจที่ไม่ว่าใครก็ไม่อยากพบเจอ เพราะเมื่อเกิดรอย แผลเป็น ขึ้นบนผิวแล้วนั้น ยากที่จะกำจัดร่องรอยความผิดปกติให้จางหายไปจนหมด รอยแผลเป็นเป็นร่องรอยที่เกิดขึ้นจากกระบวนการซ่อมแซมและฟื้นฟูบาดแผลอย่างรวดเร็ว โดยร่างกายจะกระตุ้นให้เซลล์ไฟโบรบลาสต์ (fibroblast) ผลิตคอลลาเจน (collagen) ขึ้นมาในปริมาณมากเพื่อช่วยซ่อมแซมและสมานบาดแผลให้เร็วที่สุด หากดูแลแผลไม่ดี ปล่อยให้เกิดการติดเชื้อ มีการแกะเกาแผลบ่อย ๆ ทำให้เกิดคอลลาเจนที่สร้างใหม่ใต้ผิวหนังมากผิดปกติและมีการเรียงตัวอย่างไร้ระเบียบจนเกิดรอยแผลเป็นชนิดต่าง ๆ ทั้งรอยแผลเป็นแบบนูน รอยแผลเป็นคีลอยด์ รอยแผลเป็นแบบหลุม และรอยแผลเป็นแบบหดรั้ง ถ้าหากอยากศึกษารูปแบบของแผลเป็นแต่ละแบบให้มากขึ้น สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ – แผลเป็น ที่ไม่มีใครอยากเป็น
อย่างไรก็ตามเราสามารถป้องกันการเกิดรอยแผลเป็นได้ด้วยการดูแลแผลอย่างถูกต้องเหมาะสม รวมไปจนถึงควรหลีกเลี่ยงพฤติกรรมหรือความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับการดูแลแผลดังต่อไปนี้
- ใช้ยาสีฟันทาที่แผลเมื่อโดนไฟไหม้ น้ำร้อนลวก มีข้อมูลความเชื่อว่ายาสีฟันช่วยบรรเทาอาการหลังโดนไฟไหม้ หรือน้ำร้อนลวกให้ดีขึ้นได้ แต่ความจริงแล้วนั้น เป็นวิธีที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญไม่แนะนำ เนื่องจากการใช้ยาสีฟันทาลงบนรอยแผลเป็นหรือรอยแผลเปิดโดยตรง นอกจากจะไม่มีส่วนช่วยในการรักษาบาดแผลได้แล้วนั้นอาจก่อให้เกิดอาการแพ้ ระคายเคืองผิว แผลอักเสบติดเชื้อ และทำให้รอยแผลหายช้า
ในกรณีที่ถูกไฟไหม้ หรือน้ำร้อนลวกแค่เพียงเล็กน้อยสามารถใช้วิธีประคบเย็นด้วยการใช้ผ้าขนหนูนุ่ม ๆ ห่อน้ำแข็งหรือใช้เจลแช่เย็นประคบลงบนแผล เพื่อช่วยบรรเทาอาการปวดแสบปวดร้อนบนผิว แต่ถ้าหากรอยแผลมีขนาดใหญ่มากควรรีบเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล
- แคะ แกะ เกา ที่บริเวณรอยแผล เมื่อรอยแผลเริ่มเข้าสู่ระยะสมานตัวหรือฟื้นตัวอาจทำให้รู้สึกคันหรือตึง ๆ ผิวในบริเวณดังกล่าวได้ การแคะ แกะ หรือเกาที่บริเวณรอยแผลจะยิ่งกระตุ้นให้เซลล์ไฟโบรบลาสต์ผลิตคอลลาเจนออกมามากเกินจำเป็น ทำให้เกิดรอยแผลเป็นที่ลักษณะเป็นก้อนนูนบนผิวได้มากขึ้น
กรณีเป็นแผลสดใหม่ แนะนำให้เช็ดด้วยน้ำเกลือทำความสะอาดแผลให้สะอาด และทาครีมหรือขี้ผึ้งที่เป็นยาปฏิชีวนะเพื่อป้องกันการติดเชื้อ หากรอยแผลเริ่มสมานตัวดีแล้วแนะนำว่าควรใช้ครีมบำรุงผิวหรือ ointment หรือซิลิโคนเจล ป้ายลงบนรอยแผลเพื่อช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ลดอาการคันหรือตึงที่บริเวณรอยแผลได้
นอกจากนี้เมื่อรอยแผลสมานตัวอาจมีสะเก็ดแห้งสีน้ำตาลเข้มปกคลุมด้านบนของแผล ควรปล่อยให้สะเก็ดเหล่านี้หลุดร่วงไปเอง ไม่ควรแกะสะเก็ดเหล่านั้นออกจากแผลเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดรอยแผลเป็น
- การเจาะตุ่มน้ำใส ๆ บนรอยแผล ความเชื่อนี้เป็นความเชื่อที่ถูกต้องแค่เพียงบางส่วน ในกรณีที่รอยแผลมีตุ่มน้ำใส ๆ ขนาดไม่เกิน 1 ซม. หรือเป็นตุ่มน้ำในบริเวณที่ไม่ถูกเสียดสีบ่อย ๆ เช่น ข้อพับ นิ้ว หัวเข่า ข้อศอก ก็ไม่มีความจำเป็นต้องเจาะเอาน้ำออกและปล่อยให้ร่างกายสมานบาดแผลไปตามขั้นตอนที่ควรจะเป็นแต่หากตุ่มน้ำมีขนาดใหญ่มากหรืออยู่ในตำแหน่งที่ถูกเสียดสีหรือเสี่ยงต่อการชน กระแทกได้ง่าย แนะนำให้เจาะเพื่อเอาน้ำออกจากแผล โดยมีข้อควรระวังคืออุปกรณ์ที่ใช้เจาะตุ่มน้ำจะต้องสะอาด ปราศจากเชื้อ หรือควรอยู่ภายในการดูแลของบุคลากรทางการแพทย์เท่านั้น ไม่แนะนำให้คนไข้เจาะตุ่มน้ำที่อยู่บริเวณรอยแผลด้วยตนเอง
- ห้ามกินไข่เมื่อเป็นแผลหลายคนมีความเชื่อว่าการกินไข่หรืออาหารที่มีส่วนผสมของไข่ในช่วงที่เกิดบาดแผลจะทำให้เกิดรอยแผลเป็นชนิดคีลอยด์ได้ ซึ่งความจริงแล้วนั้นยังไม่มีข้อมูลใดที่บ่งชี้ได้อย่างชัดเจนว่าการกินไข่ในช่วงที่มีบาดแผลจะกระตุ้นให้เกิดรอยแผลเป็น รอยแผลเป็นคีลอยด์ ในทางกลับกันมีหลักฐานสนับสนุนว่าการรับประทานอาหารกลุ่มโปรตีน เช่น ไข่ขาว เนื้อสัตว์ เนื้อปลา นม โยเกิร์ต ธัญพืชต่าง ๆ ยังมีส่วนช่วยในกระบวนการซ่อมแซมและฟื้นฟูบาดแผลได้ดียิ่งขึ้น อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงในช่วงที่มีบาดแผลเพื่อลดโอกาสการเกิดรอยแผลเป็น ได้แก่ อาหารกึ่งสุกกึ่งดิบ อาหารหมักดอง อาหารที่มีรสจัด อาหารที่มีไขมันสูง เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และสูบบุหรี่
วิธีดูแลรอยแผล เพื่อป้องกันไม่ให้เกิด รอยแผลเป็น
เพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงของการเกิดรอยแผลเป็น ควรมีวิธีการดูแลรอยแผลอย่างถูกต้อง โดยวิธีดูแลทำความสะอาดแผลที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญแนะนำ มีดังนี้
- เมื่อเกิดบาดแผลควรล้างทำความสะอาดแผลด้วยน้ำเกลือหรือน้ำสะอาดทันที เพื่อช่วยป้องกันไม่ให้เชื้อโรคที่อยู่ด้านนอกเข้าไปในรอยแผล
- ทายาขี้ผึ้งฆ่าเชื้อที่มีส่วนประกอบของยาปฏิชีวนะ
กรณีแผลมีการติดเชื้อ และเพื่อป้องกันการติดเชื้อซ้ำซ้อนที่บริเวณรอยแผล - ดูแลความสะอาดของรอยแผลอย่างสม่ำเสมอ ไม่ปล่อยให้แผลสัมผัสกับน้ำหรือความชื้นจนกว่ารอยแผลจะแห้งดีแล้ว
- เมื่อรอยแผลสมานตัวได้อย่างเต็มที่หรือสะเก็ดหลุดแล้วสามารถใช้ยาลดรอยแผลเป็นทาที่รอยแผลอย่างสม่ำเสมอ และลดการกระแทกหรือการเสียดสีบริเวณแผลเป็น ควรหลีกเลี่ยงไม่ให้รอยแผลเป็นสัมผัสกับแสงแดดโดยตรง รวมถึงหมั่นทาครีมกันแดดเป็นประจำเพื่อป้องกันไม่ให้รังสี UV ที่อยู่ในแสงแดดกระตุ้นให้เกิดรอยแผลเป็นสีดำ
สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ – อย่าทำแบบนี้ ถ้าไม่อยากมีแผลเป็น
สรุป
รอยแผลเป็น เกิดขึ้นจากกระบวนการซ่อมแซมและสมานบาดแผลที่ผิดปกติของร่างกายทำให้มีคอลลาเจนที่อัดแน่นอย่างไม่เป็นระเบียบที่ใต้ชั้นผิว ส่งผลให้เกิดรอยแผลเป็นผิดปกติที่ผิวหนัง เมื่อบาดแผลสมานตัวดีแล้ว เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดรอย แผลเป็น ควรหลีกเลี่ยงความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับการดูแลแผล เช่น การใช้ยาสีฟันทาลงบนรอยแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก การแคะ แกะ เกาที่รอยแผลหรือสะเก็ดแผล การเจาะตุ่มน้ำบนแผลโดยไม่จำเป็น และดูแลบาดแผลอย่างถูกต้องตามคำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
ข้อมูลจาก
ผศ. นพ.ธีรพงษ์ รัตนนุกรม
สาขาวิชาโรคผิวหนัง ภาควิชาอายุรศาสตร์
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
อย่าลืมกดติดตามช่อง Rama Channel ที่น่าสนใจอีกมากมายได้ที่
Website: https://www.rama.mahidol.ac.th/ramachannel/
Website Rama mahidol : https://www.rama.mahidol.ac.th/
Facebook: https://www.facebook.com/ramachannel