โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ เป็นโรคที่เกิดขึ้นได้กับทุกวัยและเป็นภาวะที่ต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน หากได้รับการวินิจฉัยและรักษาอย่างทันท่วงที จะช่วยลดความรุนแรงของโรคและป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบให้มากขึ้น ตั้งแต่สาเหตุ อาการ วิธีป้องกัน และการรักษา เพื่อให้คุณสามารถดูแลสุขภาพของตัวเองและคนที่คุณรักได้ดียิ่งขึ้น
โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ คืออะไร
เยื่อหุ้มสมองอักเสบ (meningitis) เป็นภาวะที่เกิดจากการอักเสบของเยื่อบาง ๆ ที่หุ้มสมองที่ต่อเนื่องไปยังไขสันหลัง การอักเสบนี้อาจเกิดจากการติดเชื้อไวรัส แบคทีเรีย เชื้อรา และยังสามารถเกิดได้จากสาเหตุอื่น ๆ หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรง เช่น สมองอักเสบ การสูญเสียการได้ยิน หรือภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด
เยื่อหุ้มสมองอักเสบ เกิดจากสาเหตุอะไร
โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ดังนี้
1. เยื่อหุ้มสมองอักเสบจากการติดเชื้อไวรัส
สามารถพบเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อไวรัส เกิดได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ โดยก่อให้เกิดอาการได้ตั้งแต่รุนแรงน้อยถึงมาก โดยไวรัสที่เป็นต้นเหตุมีหลายชนิด
2. เยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย
เป็นประเภทที่อาจก่อให้เกิดความรุนแรงและอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต หากไม่ได้รับยาปฏิชีวนะอย่างทันท่วงที
- เยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อรา
พบได้ไม่บ่อยแต่มักมีความรุนแรง มักพบในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น ผู้ป่วยโรคเอดส์ หรือผู้ป่วยที่ได้รับยากดภูมิคุ้มกัน
4. เยื่อหุ้มสมองอักเสบจากปัจจัยอื่น ๆ
นอกจากการติดเชื้อ ยังมีสาเหตุอื่นที่อาจทำให้เกิดเยื่อหุ้มสมองอักเสบได้ เช่น เกิดจากโรคแพ้ภูมิตัวเอง มะเร็ง หรือเกิดจากยาบางชนิด เป็นต้น
โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ อาการเป็นอย่างไร
อาการของเยื่อหุ้มสมองอักเสบอาจแตกต่างกันไป ตามชนิดของเชื้อที่เป็นสาเหตุ อาการที่พบได้บ่อย ได้แก่
- มีไข้สูง หนาวสั่น
- ปวดศีรษะรุนแรง
- คอแข็ง เคลื่อนไหวศีรษะลำบาก
- สับสน มึนงง หรือหมดสติ
- คลื่นไส้ อาเจียน
- เบื่ออาหาร
- ชัก
- ในทารกอาจมีอาการงอแง ร้องไห้ผิดปกติ หรือกระหม่อมโป่งตึง
หากมีอาการเหล่านี้ควรรีบพบแพทย์ทันที
อาการแทรกซ้อนของเยื่อหุ้มสมองอักเสบ
หากโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรง ซึ่งบางครั้งอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาว ภาวะแทรกซ้อนเหล่านี้ขึ้นอยู่กับชนิดของเชื้อที่เป็นสาเหตุ ความรุนแรงของโรค และความรวดเร็วในการเข้ารับการรักษา
1. สูญเสียการได้ยิน
เยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อแบคทีเรียบางชนิดอาจทำลายเส้นประสาทที่เกี่ยวข้องกับการได้ยิน ทำให้สูญเสียการได้ยิน
2. เนื้อสมองอักเสบ
การอักเสบของเยื่อหุ้มสมองอาจลุกลามสู่เนื้อสมอง สร้างความเสียหายแก่ระบบประสาทจนส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหว ความจำ การเรียนรู้ กล้ามเนื้ออ่อนแรง สูญเสียการควบคุมกล้ามเนื้อ
3. ภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด
เยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อแบคทีเรียบางชนิด สามารถแพร่กระจายเข้าสู่กระแสเลือดได้ ทำให้เกิดภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะช็อกหรือความล้มเหลวของอวัยวะต่าง ๆ
4. ปัญหาด้านพฤติกรรมและพัฒนาการล่าช้าในเด็ก
ในเด็กเล็กที่เคยเป็นเยื่อหุ้มสมองอักเสบ อาจพบปัญหาด้านพฤติกรรม เช่น สมาธิสั้น มีปัญหาในการเรียนรู้ หรือมีพัฒนาการที่ช้ากว่าเด็กปกติ
5. ภาวะชักและโรคลมชัก
บางรายที่เนื้อสมองได้รับความเสียหายจากการอักเสบ อาจพัฒนาไปเป็นโรคลมชักที่มีอาการชักเรื้อรัง จำเป็นต้องได้รับการรักษาและดูแลต่อเนื่อง
6. เสียชีวิต
ในกรณีที่รุนแรง เยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อแบคทีเรียที่ไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อาจทำให้เกิดภาวะติดเชื้อรุนแรงจนถึงขั้นเสียชีวิต
ปัจจัยเสี่ยงของโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ
กลุ่มคนที่มีความเสี่ยงต่อโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ได้แก่
- ทารกและเด็กเล็ก
- ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น ผู้ป่วยโรคเอดส์ ผู้ป่วยที่ได้รับยากดภูมิคุ้มกันหรือเคมีบำบัด
- ผู้ที่อยู่ในสถานที่แออัด
- ผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีนป้องกันเชื้อที่ทำให้เกิดโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ
การวินิจฉัยโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ
แพทย์จะทำการซักประวัติ ตรวจร่างกายทั่วไปรวมถึงระบบประสาท นอกจากนี้ยังอาศัยการตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อการวินิจฉัยโรค เยื่อหุ้มสมองอักเสบ ดังนี้
- การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
- ตรวจเลือด เพื่อนำไปเพาะเชื้อก่อโรคที่ก่อให้เกิดเยื่อหุ้มสมองอักเสบ
- เจาะน้ำไขสันหลัง แพทย์จะดำเนินการเจาะน้ำไขสันหลังไปตรวจเพื่อประเมินปริมาณเม็ดเลือดขาว ชนิดของเม็ดเลือดขาว ระดับน้ำตาลและโปรตีน รวมถึงการสืบค้นทางห้องปฏิบัติการอื่น ๆ เพื่อหาเชื้อก่อโรค
- เอกซเรย์คอมพิวเตอร์หรือตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าสมอง เป็นการถ่ายภาพสมองที่อาจพบการอักเสบของเยื่อหุ้มสมองหรือรอยโรคในเนื้อสมอง
วิธีการรักษา เยื่อหุ้มสมองอักเสบ
- เยื่อหุ้มสมองอักเสบจากการติดเชื้อจะต้องได้รับการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ ยาฆ่าเชื้อรา หรือยาต้านไวรัสทางหลอดเลือดดำตามเชื้อก่อโรค และให้การรักษาแบบประคับประคองในช่วงที่มีอาการ และติดตามอาการทางระบบประสาทอย่างใกล้ชิด
- แพทย์จะแนะนำให้ผู้ป่วยนอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาลเพื่อรับการรักษาและติดตามอาการอย่างใกล้ชิด
วิธีการป้องกันโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ
โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบเป็นภาวะที่อาจรุนแรงและส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาว อย่างไรก็ตาม เราสามารถลดความเสี่ยงของการเกิดโรคได้ด้วยการป้องกันที่เหมาะสม ซึ่งรวมถึงการฉีดวัคซีน การรักษาสุขอนามัย และการดูแลสุขภาพให้แข็งแรง
- ฉีดวัคซีนป้องกันเยื่อหุ้มสมองอักเสบ การฉีดวัคซีนเป็นวิธีป้องกันที่มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะสำหรับเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุหลักของโรค เช่น วัคซีนนิวโมค็อคคัส วัคซีนไข้กาฬหลังแอ่น วัคซีนฮิบ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีวัคซีนป้องกันการติดเชื้อได้ครบทุกชนิด
- หลีกเลี่ยงการใช้ของร่วมกับผู้อื่น เช่น แก้วน้ำ ขวดน้ำ ช้อน ส้อม แปรงสีฟัน เนื่องจากเชื้อบางชนิดอาจติดต่อผ่านทางละอองฝอย หรือน้ำลาย
- ดูแลสุขอนามัยและหมั่นดูแลสุขภาพให้แข็งแรง ระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงสามารถช่วยลดความเสี่ยงของการติดเชื้อ ควรปฏิบัติตัว ดังนี้
- กินอาหารที่มีประโยชน์
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
- นอนหลับให้เพียงพอ
- หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์
- หลีกเลี่ยงสถานที่แออัด เยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อแบคทีเรียบางชนิดสามารถแพร่กระจายในที่ที่มีคนจำนวนมาก เช่น หอพัก ค่ายทหาร หรือโรงเรียน หากจำเป็นต้องอยู่ในพื้นที่แออัด ควรสวมหน้ากากอนามัยและรักษาระยะห่างจากผู้อื่น
- รู้จักอาการและรีบพบแพทย์เมื่อสงสัยว่ามีเยื่อหุ้มสมองอักเสบจำเป็น การสังเกตอาการของเยื่อหุ้มสมองอักเสบตั้งแต่ระยะแรกสามารถช่วยให้ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที หากมีไข้สูง ปวดศีรษะรุนแรง คอแข็ง หรือรู้สึกมึนงงผิดปกติ ควรรีบพบแพทย์ทันที
โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ เป็นภาวะที่ไม่ควรมองข้าม การรู้เท่าทันโรคสามารถช่วยลดความเสี่ยงและป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ การรับวัคซีน รักษาสุขอนามัย และสังเกตอาการผิดปกติของร่างกายเป็นสิ่งสำคัญ หากพบอาการที่น่าสงสัย ควรรีบพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาอย่างทันท่วงที
คลิกชมคลิปรายการ “เยื่อหุ้มสมองอักเสบ รู้ไว ปลอดภัยกว่า“ ได้ที่นี่
ข้อมูลโดย
รศ. นพ.จักรพงษ์ บรูมินเหนทร์
สาขาวิชาโรคติดเชื้อ ภาควิชาอายุรศาสตร์
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
ติดตาม Rama Channel เพื่อรับข้อมูลด้านสุขภาพเพิ่มเติมได้ที่
Website Ramathibodi: https://www.rama.mahidol.ac.th/
Youtube: RAMA Channel
Facebook: รามาแชนแนล Rama Channel
LINE: Ramathibodi
Tiktok: ramachanneltv รามาแชนแนล ช่องของคนรักสุขภาพ