โรคจิตเภท (schizophrenia) เป็นอาการป่วยทางจิตที่มีความผิดปกติทางความคิด การรับรู้ที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง ทำให้ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน จากการประเมินขององค์การอนามัยโลกพบว่าทั่วโลกมีผู้ป่วยจิตเภทมากถึง 26 ล้านคน และในประเทศที่กำลังพัฒนาผู้ป่วยร้อยละ 90 ไม่สามารถเข้าถึงการบำบัดรักษาได้
ส่งผลต่อการทำงานของสมองและการหายขาดของโรค และหลายครั้งนำมาซึ่งผลเสียที่พบบ่อยในสังคม เช่น การทำร้ายผู้อื่น ทำให้ผู้ป่วยด้วยโรคจิตเภทถูกมองเป็นคนน่ากลัว หรือถูกอคติจากสังคม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นโรคดังกล่าวสามารถบำบัดเพื่อให้ผู้ป่วยใช้ชีวิตปกติในสังคมได้ เริ่มต้นที่คนในครอบครัวผู้ป่วยเอง
โรคจิตเภท คือ
โรคจิตเภท คือ ภาวะทางจิตเวชที่มีผลต่อการคิด การรับรู้ และการแสดงออกของผู้ป่วย มักเกิดอาการหลอน ประสาทหลอน หรือมีความเชื่อที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง เช่น เชื่อว่ามีคนคอยตามหรือได้รับข้อความจากสิ่งที่ไม่มีตัวตน อาการเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการทำงาน การเรียน หรือความสัมพันธ์ในสังคมได้ โดยมักพบในช่วงปลายของวัยรุ่นหรือวัยผู้ใหญ่ อายุระหว่าง 15-35 ปี สำหรับประเทศไทยโรคจิตเภทเป็นโรคที่พบมากที่สุดเป็นอันดับ 1
โรคจิตเภทเกิดจาก
สารเคมีสื่อประสาทในสมองถูกรบกวน เช่น การใช้สารเสพติด พันธุกรรม การติดเชื้อ ส่งผลให้สารเคมีในสมองเกิดการเปลี่ยนแปลง ก่อให้เกิดปัญหาทางด้านอารมณ์และพฤติกรรมการแสดงออก เนื่องจากสารเคมีที่เปลี่ยนแปลงในสมองนั้นส่งผลทางด้านความคิด การรับรู้ และการใช้ชีวิตในสังคม
อาการจิตเภท
- ความคิด : มีความหลงผิด หรือคิดว่าจะมีคนมาทำร้ายทั้งที่ไม่มี
- การรับรู้ : เห็นภาพรบกวน หูแว่ว แตกต่างไปจากความเป็นจริง สามารถรับรู้ได้ผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5 แต่ที่พบบ่อยที่สุดคือ อาการหูแว่ว
- การใช้ชีวิตในสังคม : ผู้ป่วยจะไม่สามารถทำงานได้ ไม่มีสมาธิ เนื่องจากเสียงรบกวนที่เกิดขึ้นจากความคิดของตนเอง
สามารถอ่านเพิ่มเติมเกี่ยว กับ อาการหลอน หูแว่ว เห็นผี เสี่ยงโรคทางจิตเวช ได้ที่นี่
อาการทางจิตเภท สังเกตยังไง
วิธีการสังเกต ตัวเอง หรือ คนรอบข้าง ว่าเข้าข่ายผู้ป่วยอาการทางจิตเภทหรือไม่
- มีความเครียด
- รู้สึกว่ามีเสียงรบกวน
- มีความคิด ฝังใจ
- มีความระแวง
- มีพฤติกรรมแยกตัวออกจากสังคม
การบำบัดรักษา
การบำบัดโรคจิตเภท แบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ
การบำบัดโดยการใช้ยา
รักษาด้วยการใช้ยาปรับสารเคมีในสมองกลุ่มโดพามีน (dopamine) ที่มีผลต่อโรค เพื่อปรับสารเคมีในสมองให้สมดุลขึ้น
การบำบัดแบบไม่ใช้ยา
ส่วนการรักษาโดยไม่ใช้ยาจะดูแลในเรื่องของความเครียดที่ไปกระตุ้นให้เกิดโรค หรือรักษาอาการป่วยทางร่างกายที่ทำให้เกิดโรคจิตเภท
การรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพของผู้ป่วยโรคจิตเภท เพื่อให้กลับมาใช้ชีวิตปกติในสังคมได้ มีดังนี้
- ตรวจพบแต่เนิ่น ๆ รักษาให้เร็วและต่อเนื่อง
- ครอบครัว ชุมชน และสังคมให้การสนับสนุน พูดคุยแบ่งปันประสบการณ์และความรู้สึกกับผู้ป่วย
- ให้ผู้ป่วยได้ทำกิจกรรมที่มีความหมายต่อชีวิต ได้แก่ การเรียน งานอาชีพ งานอดิเรก
- ดูแลสุขภาพให้แข็งแรง หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ การใช้สารเสพติด
การดูแลผู้ป่วยโรคจิตเภท
คนในครอบครัวคือส่วนสำคัญที่สุดที่จะทำให้ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้น ควรทำความเข้าใจ เปิดใจรับฟัง รวมถึงให้กำลังใจผู้ป่วย และไม่มองว่าผู้ป่วยเป็นบุคคลอันตราย หรือแสดงอาการหวาดกลัวต่อผู้ป่วย หลีกเลี่ยงการพูดจาด้วยถ้อยคำรุนแรงต่อผู้ป่วย เพราะอาจส่งผลให้อาการมีความรุนแรงมากขึ้น
โรคจิตเภท เป็นโรคทางจิตเวชที่ซับซ้อน แต่หากผู้ป่วยได้รับการดูแลและรักษาอย่างถูกต้อง สามารถฟื้นฟูและกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ การเข้าใจอาการและสาเหตุของโรค รวมถึงการมีส่วนร่วมจากครอบครัวและคนรอบข้าง มีส่วนสำคัญในการสร้างความเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกให้แก่ผู้ป่วย
ข้อมูลจาก
รศ. พญ.ดาวชมพู นาคะวิโร
ภาควิชาจิตเวชศาสตร์
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
คลิกชมคลิปรายการ “Rama Focus | จิตเภทครอบครัวและสังคม ช่วยรักษาได้” ได้ที่นี่
ติดตาม Rama Channel เพื่อรับข้อมูลด้านสุขภาพเพิ่มเติมได้ที่
Website Ramathibodi: https://www.rama.mahidol.ac.th/
Youtube: RAMA Channel
Facebook: รามาแชนแนล Rama Channel
LINE: Ramathibodi
Tiktok: ramachanneltv รามาแชนแนล ช่องของคนรักสุขภาพ