โนโรไวรัส,ไวรัส,ไวรัสท้องเสีย,ท้องร่วง
หน้าแรก
โนโรไวรัส เชื้อร้ายทำให้ท้องเสียเฉียบพลัน !

โนโรไวรัส เชื้อร้ายทำให้ท้องเสียเฉียบพลัน !

ท้องเสีย เป็นปัญหาที่ใครหลายคนก็เจอไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ ซึ่งบางครั้งอาจไม่ได้มาจากเชื้อแบคทีเรีย แต่เกิดจากเชื้อไวรัสที่มีชื่อว่า โนโรไวรัส ส่งผลให้มีอาการท้องเสีย คลื่นไส้ อาเจียนอย่างรุนแรง ยิ่งถ้าภูมิต้านทานต่ำอาการอาจหนักและร้ายแรงถึงแก่ชีวิตได้

โนโรไวรัสคืออะไร ?

โนโรไวรัสคือไวรัสชนิดหนึ่งซึ่งจะทำให้เกิดการติดเชื้อและอักเสบในระบบทางเดินอาหาร มีระยะฟักตัว 12-48 ชั่วโมงหลังจากได้รับเชื้อ ระบาดได้ง่ายและรวดเร็ว มีอาการคล้ายอาหารเป็นพิษ เพราะโนโรไวรัสจะปนเปื้อนในอาหารและน้ำดื่ม จึงทำให้เกิดอาการท้องเสีย หรืออาเจียน ในผู้ป่วยบางรายจะมีอาการไข้ ครั่นเนื้อครั่นตัว และถ่ายเหลวเป็นน้ำ ติดต่อได้ง่ายยิ่งขึ้นในสภาพอากาศเย็น

โนโรไวรัส,ไวรัส,ไวรัสท้องเสีย,ท้องร่วง

เชื้อโนโรไวรัสพบได้ในเฉพาะเด็กจริงหรือไม่ ?

สามารถติดเชื้อได้ในทุกช่วงวัย แต่เนื่องจากเด็กเล็กมีภูมิคุ้มกันต่ำกว่าผู้ใหญ่จึงทำให้มีอาการรุนแรงมากกว่า เช่น อาเจียนออกมามาก ท้องเสีย และไม่สามารถดื่มนมได้ ในผู้ใหญ่หากติดเชื้อโนโรไวรัสจะมีอาการไม่รุนแรงเท่ากับเด็ก เช่น มีอาการคลื่นไส้หรืออาเจียนเพียงเล็กน้อย ท้องเสียไม่กี่ครั้ง และสามารถหายได้เอง

การติดต่อและแพร่กระจายของเชื้อ โนโรไวรัส

  • อาหารหรือน้ำดื่ม พบบ่อยในน้ำดื่ม น้ำแข็ง ผักผลไม้สด และหอยนางรม 
  • การสัมผัสกับสิ่งของหรือพื้นผิวที่ปนเปื้อนแล้วนำนิ้วหรือมือเข้าปาก 
  • การสัมผัสกับผู้ป่วยโดยตรง อุจจาระหรือละอองอาเจียนของผู้ป่วย

การวินิจฉัยเชื้อโนโรไวรัส 

ทำได้โดยการเก็บตัวอย่างอุจจาระเพื่อส่งตรวจพิเศษกับห้องปฏิบัติการ หากพบว่าติดเชื้อโนโรไวรัส แพทย์จะทำการดูแลรักษาตามอาการ หากเด็กมีภูมิต้านทานที่ดีอาการจะดีขึ้นและหายได้เองภายใน 2–3 วัน แต่หากเด็กเกิดการขาดน้ำอาจทดแทนด้วยการดื่มน้ำเกลือแร่หรือการให้น้ำเกลือทางเส้นเลือด รับประทานอาหารอ่อนหรือให้ยาแก้อาเจียน แต่ถ้าเด็กภูมิต้านทานต่ำมีอาการรุนแรงถึงขั้นถ่ายตลอดเวลาต้องนำส่งโรงพยาบาลทันทีและอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด เพราะอาจเกิดภาวะช็อก ความดันเลือดต่ำ และอาจเสียชีวิตได้

โนโรไวรัส,ไวรัส,ไวรัสท้องเสีย,ท้องร่วง

อาการติดเชื้อ โนโรไวรัส

  • ถ่ายเหลวเป็นน้ำ
  • ปวดท้อง
  • คลื่นไส้
  • อาเจียน
  • ปวดศีรษะ
  • ไข้ต่ำ
  • ปวดเมื่อยตามร่างกาย
  • อ่อนเพลีย

โนโรไวรัส,ไวรัส,ไวรัสท้องเสีย,ท้องร่วง

อาการรุนแรงที่ควรรีบไปพบแพทย์

  • ทารกหรือเด็กที่ถ่ายเหลวมากกว่า 5 ครั้ง หรืออาเจียนมากกว่า 2 ครั้งต่อวัน
  • มีอาการของภาวะขาดน้ำ เช่น ปากแห้ง คอแห้ง ตาโหล อ่อนเพลีย เวียนศีรษะ รู้สึกมึนงง หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ และปัสสาวะน้อยลงและมีสีเข้ม
  • ผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีโรคประจำตัวชนิดรุนแรง เช่น โรคไต ภูมิคุ้มกันบกพร่อง และมีอาการท้องเสียและอาเจียน
  • อาการป่วยไม่ดีขึ้นใน 2-3 วัน

วิธีการรักษาเมื่อติดเชื้อโนโรไวรัส

ปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนป้องกันหรือยาเฉพาะเจาะจงในการจัดการกับเชื้อไวรัสนี้ การรักษาจึงเป็นการดูแลตามอาการที่เกิดขึ้น และส่วนใหญ่อาการต่าง ๆ จะดีขึ้นได้ในเวลา 3-4 วัน

  • หากอาการไม่รุนแรง ให้ดื่มน้ำเกลือแร่ ORS
  • ในกรณีที่มีอาเจียนและท้องเสียให้กินอาหารอ่อน เช่น โจ๊ก ข้าวต้ม เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน เนื้อปลาต้ม และให้ยาแก้อาเจียน
  • หลีกเลี่ยงอาหารที่ย่อยยาก เช่น อาหารมัน อาหารทอด ผักผลไม้รสหวาน
  • หากมีอาการอาเจียน ปวดท้อง และถ่ายเหลวเป็นน้ำ อาจจะทำให้เกิดภาวะขาดสารน้ำ ส่งผลให้เกิดภาวะช็อก ความดันเลือดต่ำ และอาจเสียชีวิตได้ ควรเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน
  • ผู้ป่วยที่จะมีโอกาสเกิดอันตรายจากการขาดน้ำได้แก่ เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีโรคประจำตัวอยู่แล้ว ต้องได้รับการดูแลรักษาอย่างรวดเร็ว

การป้องกันเชื้อ โนโรไวรัส

  • ล้างมือให้สะอาดด้วยสบู่และน้ำอย่างน้อย 15 วินาที หลังการเข้าห้องน้ำหรือเปลี่ยนผ้าอ้อมเด็ก และก่อนทำอาหารหรือรับประทานอาหาร
  • หลีกเลี่ยงน้ำและอาหารที่ไม่สะอาด
  • ล้างผักและผลไม้สดให้สะอาด ทำหอยนางรมหรือหอยชนิดอื่นให้สุกก่อนรับประทาน
  • ทิ้งเศษอาเจียนและอุจจาระอย่างระมัดระวังโดยใช้ผ้าชุบน้ำหมาด ๆ ซับไม่ให้มีการฟุ้งกระจาย และทิ้งลงในถุงพลาสติก
  • ผ้าอ้อมหรือเสื้อผ้าที่เปื้อนอุจจาระ แยกเสื้อผ้าคนป่วยซักต่างหากและต้องรีบซักให้สะอาดโดยเร็วหรือทิ้งให้เหมาะสม
  • เช็ดทำความสะอาดพื้นที่ปนเปื้อนด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อที่มีส่วนผสมของคลอรีน
  • ใช้ช้อนกลางหากต้องกินอาหารร่วมกับผู้อื่น
  • เลี่ยงการหยิบจับอาหารให้ผู้อื่น

เชื้อโนโรไวรัสสามารถติดต่อได้ง่ายและปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนป้องกัน รวมถึงยังไม่มียาที่กำจัดเชื้อไวรัสชนิดนี้โดยเฉพาะ ดังนั้นควรดูแลผู้ป่วยอย่างใกล้ชิดในเรื่องของการรับประทานอาหารและดื่มน้ำที่สะอาด การล้างมือให้สะอาดทุกครั้งคือสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ห่างไกลจากเชื้อโนโรไวรัสได้

 

ข้อมูลจาก

ผศ. ดร. นพ.นพพร  อภิวัฒนากุล 

สาขาวิชาโรคติดเชื้อ 

ภาควิชากุมารเวชศาสตร์

คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี 

มหาวิทยาลัยมหิดล

RAMA Channel

บทความที่เกี่ยวข้อง

รู้ทัน ถุงน้ำในตับอ่อน เสี่ยงทุกวัย ไม่เลือกเพศ
ถุงน้ำในตับอ่อนเป็นโรคเงียบที่เกิดได้ทุกเพศทุกวัย อาจไม่มีอาการแต่เสี่ยงกลายเป็นมะเร็ง รู้ทันเพื่อวางแผนตรวจและรักษาอย่างทันท่วงที
บทความสุขภาพ
29-05-2025

7

แพทย์เตือน ! ห้าม ล้างไก่สด ก่อนปรุง
การล้างไก่สดก่อนปรุงอาจกระจายเชื้อแบคทีเรียอย่างแคมไพโลแบคเตอร์ไปยังอ่างล้างจานและเครื่องครัว เสี่ยงปนเปื้อนอาหารและทำให้เกิดโรคท้องร่วง
บทความสุขภาพ
28-05-2025

10

โรคพยาธิในช่องคลอด-ภัยเงียบที่ซ่อนอยู่ในร่างกายผู้หญิง
โรคพยาธิในช่องคลอดเกิดจากการติดเชื้อโปรโตซัว มักมีอาการตกขาวมีกลิ่น คัน แสบ หากไม่รักษาอาจลุกลามและส่งผลต่อระบบสืบพันธุ์ของผู้หญิง
บทความสุขภาพ
25-05-2025

7

ปานสีน้ำตาล-ภาวะผิวผิดปกติที่พบได้ตั้งแต่กำเนิด
ปานสีน้ำตาลเกิดจากเม็ดสีผิวผิดปกติ อาจเป็นเพียงความสวยงามตามธรรมชาติหรือสัญญาณโรคร้าย ควรหมั่นสังเกตขนาด สี และรูปร่างที่เปลี่ยนแปลง
บทความสุขภาพ
22-05-2025

5

ปรึกษาปัญหาสุขภาพ
0 2201 1000
0 2200 3000

งานสื่อสารองค์กร คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี

270 ถนนพระรามที่ 6 แขวงทุ่งพญาไท
เขตราชเทวี กรุงเทพฯ 10400
โทร. 0 2201 0182
โทรสาร 0 2201 2127
อีเมล ramachannel24@gmail.com

© 2024, RAMA CHANNEL