อาการไอ บ่อย ไอ จนเกิดความรำคาญ หรือไอนานติดต่อกันหลายสัปดาห์ เมื่อรับประทานยาแล้วก็ยังไม่มีอาการที่ดีขึ้น อาจเป็นสัญญาณเตือนของการเกิดโรคอย่างมากมาย อาการไอเป็นกลไกการปกป้องของร่างกายที่จะกำจัดเชื้อโรค เสมหะ หรือสิ่งแปลกปลอมอื่น ๆ ที่อยู่ในทางเดินหายใจออกมา
อาการไอ เกิดจาก ?
ไอ นับว่าเป็นการตอบสนองอย่างหนึ่งของร่างกายเมื่อมีสิ่งแปลกปลอมเข้ามาทำให้เกิดการระคายเคืองบริเวณทางเดินหายใจ
สาเหตุของ อาการไอ
- โรคประจำตัว เช่น ภูมิแพ้ ไซนัสอักเสบ กรดไหลย้อน หอบหืด
- ฝุ่นละอองหรือมลภาวะทางอากาศ
- การใช้ยาบางชนิด เช่น ยาลดความดันเลือด
- อาการป่วยอื่น ๆ เช่น ไข้หวัด หลอดลมอักเสบ ปอดบวม วัณโรคปอด มะเร็งปอด
- แพ้กลิ่นน้ำหอม กลิ่นสารเคมี
- สำลักอาหารหรือมีสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในทางเดินหายใจ
- ผู้ที่สูบบุหรี่จัด
ชนิดของ อาการไอ
- ไอเฉียบพลัน สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ เช่น ไข้หวัด ไซนัสอักเสบ คออักเสบ กล่องเสียงอักเสบ หลอดลมอักเสบ ปอดบวม มักจะดีขึ้นภายใน 3 สัปดาห์ ในเด็กต้องระวังการสำลักแล้วไอ อาจมีสิ่งแปลกปลอมอยู่ในหลอดลม ถ้าสัมผัสกับสารระคายเคือง เช่น ควันบุหรี่ ควันไฟ กลิ่น สเปรย์ แก๊ส มลพิษทางอากาศ ในปัจจุบันมีฝุ่น PM 2.5 สูงทำให้ไอได้
- ไอกึ่งเฉียบพลัน คือ มีระยะเวลาของอาการไอ นานกว่า 3 สัปดาห์ แต่ไม่เกิน 8 สัปดาห์ ส่วนใหญ่มักเป็นเกิดการไอ จากหลอดลมมีความไวต่อการกระตุ้น หลังจากมีการติดเชื้อทางเดินหายใจ
- ไอเรื้อรัง คือ มีระยะเวลาของอาการไอมากกว่า 8 สัปดาห์ สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากโรคหอบหืด โรคหลอดลมอักเสบเรื้อรัง โรคภูมิแพ้ โรคไซนัสอักเสบเรื้อรัง ทำให้มีน้ำมูกไหลลงคอ ก็จะกระแอมไอ โรคกรดไหลย้อน การสูบบุหรี่ ทำให้และที่สำคัญถ้าหาสาเหตุอื่น ๆ ไม่พบ ควรซักประวัติยาที่รับประทาน ที่มีผลทำให้ไอเรื้อรังได้ เช่น ยาลดความดันเลือดบางชนิด
ลักษณะของอาการไอ
ลักษณะของการไอหรือเสียงไอสามารถแบ่งออกได้ ดังนี้
- ไอมีเสมหะ เป็นอาการไอที่เกิดจากการติดเชื้อทางเดินหายใจและมีเยื่อเมือกเพิ่มมากขึ้นเพื่อดักจับและขับเชื้อโรคหรือสิ่งที่ทำให้เกิดการระคายเคืองออกไป ผู้ป่วยที่มีอาการไอมีเสมหะมักเป็นอาการเกี่ยวกับโรคระบบทางเดินหายใจ เช่น ไข้หวัด ปอดบวม หรือในผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงอาจเป็นสาเหตุของโรคหลอดลมอักเสบเรื้อรัง วัณโรคปอด
- ไอแห้ง เป็นการไอแบบไม่มีเสมหะ อาจบอกถึงโรคภูมิแพ้ โรคหอบหืด กรดไหลย้อน
- ไอเสียงก้อง อาการไอที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสหรือเชื้อแบคทีเรียบริเวณทางเดินหายใจ พบมากในเด็ก ซึ่งจะทำให้เกิดอาการบวมของกล่องเสียงและหลอดลม
ภาวะแทรกซ้อนของการไอ
อาการไอ อย่างต่อเนื่องอาจส่งผลต่อร่างกาย ในกรณีที่ผู้ป่วยมีอายุมาก การไออย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน ส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการเจ็บหน้าอก คอบวม เจ็บซี่โครง มีอาการเหนื่อยหอบจนอาจถึงแก่ชีวิตได้ และอาการไออาจรบกวนการรับประทานอาหารและการใช้ชีวิตประจำวันอีกด้วย หากผู้ป่วยมีอาการไอรุนแรงและต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานเกิน 3 สัปดาห์ ควรรีบเข้าพบแพทย์เพื่อรับการรักษาและได้รับการวินิจฉัยหาสาเหตุอย่างถูกต้อง
วิธีการรักษา
- หากผู้ป่วยมี อาการไอ แพทย์จะทำการซักประวัติ ตรวจร่างกายเพื่อหาสาเหตุและรักษาตามสาเหตุนั้น ซึ่งจะแนะนำให้ผู้ป่วยหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นที่อาจทำให้ไอมากยิ่งขึ้น เช่น ฝุ่น ควันบุหรี่ อากาศเย็น
- ผู้ป่วยที่มีอาการไอเพียงเล็กน้อย เบื้องต้นแพทย์จะให้รับประทานยาเพื่อบรรเทาอาการไอ ในกรณีที่มีหลอดลมอักเสบหรือปอดบวมจากการติดเชื้อแบคทีเรีย เช่น ไข้ ไอ เสมหะมีสีเหลืองหรือเขียว แพทย์อาจพิจารณาให้ยาปฏิชีวนะร่วมด้วย
- อาการไอที่มากขึ้นเรื่อย ๆ หรือมีอาการอื่น ๆ ที่รุนแรงร่วมด้วย เช่น มีเลือดปน น้ำหนักลด เบื่ออาหาร หอบเหนื่อย นอนไม่หลับ อ่อนเพลีย เจ็บหน้าอก ควรเข้าพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุเพิ่มเติม
- ผู้ป่วยที่มีอาการไอเรื้อรัง แพทย์อาจส่งตรวจระบบทางเดินหายใจส่วนบนและล่าง เพิ่มเติม เช่น ส่งตรวจภาพถ่ายรังสีของโพรงไซนัสและปอด การส่งตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ทรวงอก การส่องกล้องตรวจระบบทางเดินหายใจ การตรวจเสมหะ การตรวจสมรรถภาพการทำงานของปอด ตรวจหาสารก่อภูมิแพ้
ข้อมูลจาก
อ. พญ.นวลวรรณ ลีลาภัทรพันธุ์
ภาควิชาโสต ศอ นาสิกวิทยา
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี
มหาวิทยาลัยมหิดล
อย่าลืมกดติดตามช่อง Rama Channel ที่น่าสนใจอีกมากมายได้ที่
Website Ramathibodi: https://www.rama.mahidol.ac.th/
Youtube: https://www.youtube.com/RamachannelTV
Facebook : https://www.facebook.com/ramachannel