หัวใจเต้นระริก ภาวะอันตรายที่ต้องเฝ้าระวัง
หน้าแรก
หัวใจเต้นระริก ภาวะอันตรายที่ต้องเฝ้าระวัง

หัวใจเต้นระริก ภาวะอันตรายที่ต้องเฝ้าระวัง

หัวใจเต้นระริก เป็นภาวะการเต้นของหัวใจที่ผิดปกติชนิดหนึ่ง และเป็นการเต้นผิดปกติของหัวใจที่พบบ่อยที่สุด มีโอกาสเกิดสูงขึ้นตามอายุ และสัมพันธ์กับโรคหัวใจชนิดอื่น ความรุนแรงของภาวะหัวใจเต้นระริกไม่ถึงกับทำให้เสียชีวิตทันที แต่นำมาซึ่งภาวะรุนแรง ได้แก่ อ่อนเพลียเรื้อรัง อัมพฤกษ์ อัมพาต และเสียชีวิตในภายหลังได้

หัวใจเต้นระริก คือ

เป็นภาวะหัวใจเต้นผิดปกติที่สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งกับหัวใจห้องบนและหัวใจห้องล่าง หากเกิดขึ้นกับหัวใจห้องล่าง คนไข้จะเสียชีวิตทันทีหรือที่เรียกกันทั่วไปว่าไหลตาย แต่ถ้าหากเกิดกับหัวใจห้องบน จะส่งผลให้หัวใจเต้นเร็วมากและไม่สัมพันธ์กัน ทำให้หัวใจไม่มีการบีบตัว เกิดลิ่มเลือดตกตะกอนอยู่ที่หัวใจห้องบนตามมา จากนั้นลิ่มเลือดอาจไปอุดตันส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้ หากไปอุดตันที่สมองจะทำให้เกิดอัมพาต โดยภาวะหัวใจเต้นระริกยังเป็นสาเหตุของอัมพาตประมาณ 1 ใน 3 ของผู้ป่วยอัมพาตทั้งหมด

สาเหตุของการเกิดภาวะหัวใจเต้นระริก

มีหลายประการ แต่ปัจจัยที่ส่งผลมากที่สุดคืออายุ รองลงมาคือโรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคปอด ตามลำดับ รวมถึงโรคอื่น ๆ อีกหลากหลายโรคด้วยกัน

ในคนไข้ที่มีอายุมาก ที่เกิดภาวะหัวใจเต้นระริกมักมาพบแพทย์ด้วยโรคอัมพฤกษ์อัมพาต จึงตรวจพบภายหลังว่ามีสาเหตุมาจากภาวะดังกล่าว เนื่องจากไม่มีอาการแสดงว่าเกิดภาวะหัวใจเต้นระริกให้เห็นก่อนหน้านี้ ขณะที่คนไข้อายุน้อย หากมีภาวะดังกล่าวจะมีอาการแสดง ซึ่งแสดงออกเป็น 2 ลักษณะ ได้แก่ ใจสั่นและเหนื่อยง่าย

ในคนไข้ที่มีความเสี่ยงควรตรวจดูชีพจรหรืออัตราการเต้นของหัวใจอย่างสม่ำเสมอ โดยการจับชีพจรหรือวัดอัตราการเต้นของหัวใจผ่านแอพพลิเคชั่น ฯลฯ โดยคนไข้ที่มีความเสี่ยงสูงคือผู้สูงอายุ โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุมากกว่า 65 ปีขึ้นไป รวมถึงผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน เส้นเลือดหัวใจตีบ เป็นต้น หากพบอัตราการเต้นของหัวใจที่ผิดปกติควรรีบพบแพทย์ เพื่อเข้ารับการรักษาได้ทันท่วงที

การรักษาภาวะหัวใจเต้นระริกในผู้สูงอายุ

มักเป็นการรักษาเพื่อป้องกันอัมพฤกษ์อัมพาต ขณะที่ผู้ป่วยอายุน้อยจะเป็นการรักษาเพื่อควบคุมไม่ให้หัวใจเต้นเร็วเกินไปหรือรักษาเพื่อให้อัตราการเต้นของหัวใจเป็นปกติ

การรักษาเพื่อป้องกันการเกิดอัมพฤกษ์อัมพาต

คือให้ยาละลายลิ่มเลือดเพื่อชะลอการแข็งตัวของเลือด ซึ่งสามารถป้องกันการเกิดลิ่มเลือดได้ 90% ส่งผลให้การเกิดอัมพฤกษ์อัมพาตลดลง

การรักษาเพื่อควบคุมไม่ให้หัวใจเต้นเร็วเกินไปหรือรักษาเพื่อให้อัตราการเต้นของหัวใจเป็นปกติ

ทำโดยการให้ยา การจี้หัวใจ และผ่าตัด แต่ส่วนมากแพทย์จะทำการตรวจหาสาเหตุก่อนว่าคนไข้มีโรคประจำตัวอื่นที่ทำให้เกิดภาวะหัวใจเต้นระริกหรือไม่ หากมีจะทำการรักษาที่โรคนั้น

 

ข้อมูลจาก
อ. นพ.ธัชพงศ์  งามอุโฆษ
สาขาวิชาโรคหัวใจ ภาควิชาอายุรศาสตร์
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี
มหาวิทยาลัยมหิดล


คลิกชมคลิปรายการ ““โรคหัวใจเต้นระริก”ภาวะอันตรายของผู้สูงวัย : พบหมอรามา ช่วง Meet The Expert” ได้ที่นี่

ติดตาม Rama Channel เพื่อรับข้อมูลด้านสุขภาพเพิ่มเติมได้ที่ 
RAMA Channel

บทความที่เกี่ยวข้อง

โรคตับคั่งไขมัน รู้ให้ทัน ปรับพฤติกรรมให้ไว
โรคตับคั่งไขมันเป็นภาวะที่ไขมันสะสมในตับมากเกินไป เสี่ยงตับอักเสบ ตับแข็ง และมะเร็งตับ หากรู้ทันและรีบปรับพฤติกรรมการกิน ออกกำลังกาย
บทความสุขภาพ
09-09-2025

0

OPD และ IPD ต่างกันอย่างไร ?
OPD และ IPD คือการใช้บริการในโรงพยาบาลที่ต่างกัน OPD คือผู้ป่วยนอกที่ไม่ต้องนอนรักษา ส่วน IPD คือผู้ป่วยในที่ต้องนอนพักรักษาตัวภายใต้การดูแล
บทความสุขภาพ
08-09-2025

0

ยาคลายกล้ามเนื้อ Tolperisone
ยาคลายกล้ามเนื้อ Tolperisone การใช้บ่อย ๆ อาจเสี่ยงเกิดผลข้างเคียง เช่น เวียนศีรษะ ง่วงซึม ความดันต่ำ หรือดื้อยาได้ ควรใช้ภายใต้คำแนะนำ
บทความสุขภาพ
08-09-2025

1

กระเพาะปัสสาวะอักเสบ ปวด แสบ ขัด
กระเพาะปัสสาวะอักเสบทำให้ปัสสาวะแสบ ขัด และปวดบ่อย หากละเลยอาจลุกลามเป็นกรวยไตอักเสบ ควรรู้ทันอาการ สาเหตุ และวิธีป้องกันอย่างถูกต้อง
บทความสุขภาพ
07-09-2025

0

ปรึกษาปัญหาสุขภาพ
0 2201 1000
0 2200 3000

งานสื่อสารองค์กร คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี

270 ถนนพระรามที่ 6 แขวงทุ่งพญาไท
เขตราชเทวี กรุงเทพฯ 10400
โทร. 0 2201 0182
โทรสาร 0 2201 2127
อีเมล ramachannel24@gmail.com

© 2024, RAMA CHANNEL