สัญญานอันตรายที่ แม่ตั้งครรภ์ ต้องรีบไปพบแพทย์ : พบหมอรามาฯ
หน้าแรก
สัญญานอันตรายที่แม่ตั้งครรภ์ต้องรีบไปพบแพทย์ : พบหมอรามาฯ

สัญญานอันตรายที่แม่ตั้งครรภ์ต้องรีบไปพบแพทย์ : พบหมอรามาฯ

อาการแปลก ๆ แบบไหนที่เป็นสัญญาณอันตรายที่ แม่ตั้งครรภ์ มือใหม่ต้องรีบไปพบแพทย์

1. อาการเลือดออก

มีสาเหตุได้หลายอย่าง เช่น การติดเชื้อในช่องคลอด การติดเชื้อในปากมดลูก การมีภาวะรกเกาะต่ำ หรือมีภาวะการเจ็บครรภ์คลอด สิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดภาวะเลือดออกทางช่องคลอดได้ สิ่งสำคัญคือ เมื่อพบว่ามีเลือดออกทางช่องคลอดไม่ว่าอายุครรภ์จะเท่าไหร่ก็ตาม ควรไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุ เมื่อรู้สาเหตุก็จะรู้ถึงความสำคัญหรืออันตรายว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นได้บ้าง

2. การดิ้นของลูกในครรภ์ผิดปกติ

ปกติทารกในครรภ์จะเริ่มดิ้นเมื่ออายุครรภ์ 20 สัปดาห์ขึ้นไป และเมื่อถึง 28 สัปดาห์จะรู้สึกมากขึ้น บางรายอาจจะรู้สึกเป็นแรงเตะ แรงถีบ หรือแรงขยับของแขนขา การที่หมอให้นับจำนวนครั้งของการดิ้นเป็นการประเมินสุขภาพของทารกในครรภ์อย่างหนึ่ง ซึ่งสามารถประเมินได้ด้วยตัวของคุณแม่เอง หากคุณแม่รู้สึกว่าลูกดิ้นน้อยลงหรือวันนี้ยังไม่ดิ้นเลย ก็เป็นอีกหนึ่งอาการที่ควรจะไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุว่าทารกในครรภ์มีความผิดปกติอะไรหรือเปล่า

3. อาการแพ้ท้อง

โดยปกติผู้หญิงทุกคนมีโอกาสเกิดอาการแพ้ท้องได้ เพราะการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมน อาการที่สังเกตได้ง่าย ๆ คือ คลื่นไส้ อาเจียน พะอืดพะอม เบื่ออาหารหรือเหม็นอาหาร ทั้ง ๆ ที่ช่วงก่อนตั้งครรภ์ไม่มีอาการแบบนี้ ซึ่งถ้ามีอาการลักษณะนี้ แต่ว่ายังรับประทานอาหารพอได้ถือเป็นอาการที่ค่อนข้างปกติ เมื่ออายุครรภ์มากขึ้นเกิน 14 สัปดาห์ ฮอร์โมนของการตั้งครรภ์ได้ระดับ อาการพวกนี้จะหายไปเองโดยธรรมชาติ ส่วนอาการที่ถือว่าผิดปกติคือ คลื่นไส้ อาเจียนมากจนกินอาหารไม่ได้ น้ำหนักลด มีอาการขาดสารอาหาร ขาดน้ำ เช่น ใจสั่น ปัสสาวะออกน้อย พวกนี้ถือว่าผิดปกติ ต้องรีบมาตรวจที่โรงพยาบาล เพราะว่าอาจจะต้องได้รับสารทดแทนทางน้ำเกลือ หรือให้วิตามินเสริมทางน้ำเกลือ

4. อาการเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนด

โดยปกติหญิงใกล้คลอดในช่วงปลายไตรมาสที่ 2 หรือในช่วงไตรมาสที่ 3 ของการตั้งครรภ์ จะมีโอกาสเจ็บครรภ์ การเจ็บครรภ์มี 2 แบบ

  • แบบแรกคือ การเจ็บครรภ์เตือน จะรู้สึกว่ามีท้องแข็งเกิดขึ้น แต่ไม่สม่ำเสมอ พวกนี้จะสัมพันธ์กับการทำงาน เดินนาน ๆ ยืนนาน ๆ บางทีมันกระตุ้นให้มีการเจ็บครรภ์ได้บ้าง เมื่อเราพักก็จะหายไปเอง
  • แบบที่สองคือ ถ้าอาการเจ็บครรภ์นั้นสม่ำเสมอ ปวดมากขึ้น แรงมากขึ้น ความถี่มากขึ้น อาการนี้จะทำให้เข้าสู่กระบวนการคลอดได้ มีการเปิดของปากมดลูกร่วมด้วย เพราะฉะนั้นในกรณีที่อายุครรภ์ยังไม่ครบกำหนดแล้วเข้าสู่กระบวนการคลอด ถ้าเราปล่อยไว้ให้กระบวนการคลอดดำเนินไปเรื่อย ๆ ทารกก็จะคลอดออกมา มีปัญหาเรื่องการคลอดก่อนกำหนด น้ำหนักตัวน้อย ฉะนั้น เมื่อไรก็ตามที่มีอาการเจ็บครรภ์คลอดเกิดขึ้น ไม่แน่ใจว่ามันถี่ขึ้นหรือเปล่าหรือรู้สึกว่าผิดปกติมากขึ้น ต้องมาตรวจดูว่าการบีบตัวของมดลูกสม่ำเสมอมากน้อยขนาดไหน รวมถึงมีการตรวจภายในเพื่อประเมินดูการเปิดของปากมดลูก

คำว่า ท้องแข็ง เป็นคำที่เราใช้อธิบายให้เข้าใจง่ายขึ้น เป็นการบีบตัวของมดลูกซึ่งเมื่อจะเข้าสู่ภาวะคลอด จะมีการแข็งตัวของมดลูกเกิดขึ้น ท้องจะมีอาการปวด บีบ ๆ เกร็ง ๆ ถ้าเอามือไปจับบริเวณมดลูก จะรู้สึกว่ามันแข็ง อาการนี้โดยทั่วไปจะเป็นอยู่ประมาณ 45-60 วินาที แล้วก็จะหายไป ถ้าเข้าสู่กระบวนการคลอด อาการนี้จะกลับมาทุก ๆ 5-10 นาที หรือถี่ขึ้นเป็น 2-3 นาที

5. การที่มีน้ำเดินหรือน้ำคร่ำแตก

น้ำเดินหมายถึง มีน้ำคร่ำไหลออกจากช่องคลอด คือมีการแตกของถุงน้ำคร่ำ ซึ่งโดยทั่วไปจะชักนำให้เข้าสู่กระบวนการคลอดได้เร็วขึ้น ถ้าอยู่ในช่วงที่อายุครรภ์ครบกำหนดแล้ว พวกนี้จะแสดงว่าเริ่มที่จะเข้าสู่กระบวนการคลอด พร้อมที่จะคลอดได้ เมื่อไรก็ตามที่มีน้ำคร่ำเดินออกมา หรือมีน้ำใส ๆ ไหลออกจากช่องคลอดออกมา ต้องมาตรวจดูที่โรงพยาบาลเหมือนกัน เพราะว่าเป็นสัญญาณอย่างหนึ่งที่บ่งชี้ว่าเราเข้าใกล้ที่จะเข้าสู่กระบวนการคลอดแล้ว

สำหรับอาการที่ผู้หญิงตั้งครรภ์ทุกคนควรสังเกตอาการนอกจากเจ็บท้อง น้ำเดินแล้ว คือภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นระหว่างตั้งครรภ์ได้ โดยทั่วไปคืออาการนำของเรื่องครรภ์เป็นพิษ ถ้าใครมีอาการปวดศีรษะ ตาพร่ามัว จุกแน่นลิ้นปี่ ควรรีบมาพบแพทย์เพื่อดูว่ามีภาวะครรภ์เป็นพิษหรือเปล่า

ส่วนอาการอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นมีไข้ ไอธรรมดา พวกนี้ควรจะมาพบแพทย์ทั้งหมด เพราะว่าอาการเหล่านี้สามารถที่จะกระตุ้นให้เกิดการเจ็บครรภ์คลอดได้เหมือนกัน
หรืออาจจะมีความผิดปกติอะไรร้ายแรงสอดแทรกอยู่ เพราะฉะนั้น เมื่อไรก็ตามที่ผู้หญิงทุกคนมีอาการผิดปกติ ไม่แน่ใจ ควรมาพบแพทย์ ไม่ควรไปซื้อยารับประทานเอง เพราะว่ายาบางอย่างจะมีผลกับทารกในครรภ์ได้

 

ข้อมูลโดย
อ. นพ.วีรภัทร สมชิต
สาขาวิชาเวชศาสตร์มารดาและทารกปริกำเนิด ภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี
มหาวิทยาลัยมหิดล


คลิกชมคลิปรายการ “สัญญานอันตรายที่ แม่ตั้งครรภ์ ต้องรีบไปพบแพทย์ : พบหมอรามาฯ” ได้ที่นี่

ติดตาม Rama Channel เพื่อรับข้อมูลด้านสุขภาพเพิ่มเติมได้ที่ 
RAMA Channel

บทความที่เกี่ยวข้อง

มนุษย์ออฟฟิศ กับอาการออฟฟิศซินโดรม
มนุษย์ออฟฟิศเสี่ยงอาการออฟฟิศซินโดรมจากการนั่งทำงานท่าเดิมนานเกินไป ส่งผลให้ปวดคอ บ่า ไหล่ และหลัง รู้วิธีปรับพฤติกรรมเพื่อป้องกันได้ทัน
บทความสุขภาพ
04-08-2025

0

พฤติกรรมแบบนี้ ทำแล้ว เสี่ยง! ปวดหลัง
พฤติกรรมที่ทำเป็นประจำ เช่น นั่งผิดท่า ยกของไม่ถูกวิธี หรืออยู่ท่าเดิมนานเกินไป อาจนำไปสู่อาการปวดหลังเรื้อรังได้ รู้วิธีป้องกันก่อนสาย
บทความสุขภาพ
28-07-2025

4

ก้อนที่คอ ใช่ไทรอยด์หรือไม่ เช็กให้ชัวร์
พบก้อนที่คอ อย่าชะล่าใจ อาจเป็นต่อมไทรอยด์โต ซีสต์ หรือก้อนเนื้ออื่น ๆ ตรวจให้ชัวร์เพื่อวางแผนรักษาอย่างถูกต้องและปลอดภัย
บทความสุขภาพ
26-07-2025

4

สะโพกเสื่อม ป้องกันอย่างไร
สะโพกเสื่อมทำให้ปวดสะโพก เดินลำบาก และกระทบการใช้ชีวิต รู้วิธีป้องกันด้วยการปรับพฤติกรรม ออกกำลังกาย และดูแลน้ำหนักให้เหมาะสม
บทความสุขภาพ
21-07-2025

8

ปรึกษาปัญหาสุขภาพ
0 2201 1000
0 2200 3000

งานสื่อสารองค์กร คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี

270 ถนนพระรามที่ 6 แขวงทุ่งพญาไท
เขตราชเทวี กรุงเทพฯ 10400
โทร. 0 2201 0182
โทรสาร 0 2201 2127
อีเมล ramachannel24@gmail.com

© 2024, RAMA CHANNEL