ปานสีน้ำตาล เป็นหนึ่งในลักษณะผิดปกติของผิวหนังที่หลายคนอาจมองว่าเป็นเพียง “รอยแต่กำเนิด” ธรรมดา แต่ในทางการแพทย์แล้ว ปานชนิดนี้สามารถบอกใบ้ถึงภาวะสุขภาพบางอย่างได้ โดยเฉพาะหากพบจำนวนมาก ขนาดใหญ่ หรือเกิดร่วมกับความผิดปกติอื่น ๆ ทางร่างกาย ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับโรคทางพันธุกรรมบางชนิด เช่น โรคท้าวแสนปม (neurofibromatosis)
แม้ในหลายกรณีปานสีน้ำตาลจะไม่เป็นอันตราย แต่การรู้เท่าทัน เข้าใจลักษณะ และหมั่นสังเกตความเปลี่ยนแปลงก็ช่วยให้คุณหรือคนในครอบครัวได้รับการดูแลอย่างเหมาะสมตั้งแต่เนิ่น ๆ บทความนี้จะพาไปทำความรู้จักกับปานสีน้ำตาลอย่างละเอียด ตั้งแต่ลักษณะ ข้อควรระวัง ไปจนถึงแนวทางการรักษา เพื่อสร้างความเข้าใจและเตรียมตัวดูแลผิวอย่างปลอดภัยและมั่นใจ
ปานสีน้ำตาล คืออะไร ?
ปานสีน้ำตาล (café au lait) เป็นจุดหรือแถบสีบนผิวหนังที่มีสีออกน้ำตาลอ่อนจนถึงน้ำตาลเข้ม พบได้ตั้งแต่แรกเกิดหรืออาจค่อย ๆ ปรากฏในช่วงวัยเด็กตอนต้น สีะเหมือนกับกาแฟใส่นม จึงได้ชื่อว่า “กาเฟโอเลต์” ตามภาษาฝรั่งเศส
โดยทั่วไป ปานลักษณะนี้ไม่ก่อให้เกิดอาการเจ็บหรือคัน และมักจะไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย แต่หากพบมากกว่า 6 จุดขึ้นไป ขนาดใหญ่เกิน 0.5 เซนติเมตรในเด็ก หรือเกิน 1.5 เซนติเมตรในผู้ใหญ่ อาจเป็นสัญญาณของโรคทางพันธุกรรม เช่น โรคท้าวแสนปม (neurofibromatosis type 1 – NF1) ที่ควรได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
ลักษณะของปานสีน้ำตาล
ปานสีน้ำตาลมักมีขอบเขตชัดเจน รูปทรงกลมหรือรี ขนาดอาจแตกต่างกันได้ตั้งแต่ไม่กี่มิลลิเมตรจนถึงหลายเซนติเมตร ผิวสัมผัสเรียบ ไม่ยื่นนูน และไม่มีขนขึ้น
ปานเหล่านี้อาจอยู่เดี่ยว ๆ หรือหลายจุดกระจายอยู่ตามร่างกาย โดยทั่วไปจะไม่จางหายไปเองตามวัย และมีแนวโน้มขยายขนาดขึ้นเล็กน้อยเมื่อร่างกายเจริญเติบโต
ลักษณะที่ควรให้ความสนใจ ได้แก่
- มีจำนวนมากกว่า 6 จุด
- ขนาดใหญ่ผิดปกติ
- เกิดร่วมกับตุ่มหรือก้อนใต้ผิวหนัง
- มีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคทางพันธุกรรมเกี่ยวกับเส้นประสาท
หากพบลักษณะดังกล่าวควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังหรือกุมารแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติม
ข้อควรระวังของปานสีน้ำตาล
แม้ปานสีน้ำตาลส่วนใหญ่จะไม่ก่อให้เกิดปัญหา แต่ก็มีบางกรณีที่ต้องระวัง โดยเฉพาะเมื่อตรวจพบจำนวนมากหรือมีขนาดใหญ่ผิดปกติ เพราะอาจเกี่ยวข้องกับโรคทางพันธุกรรม เช่น
- โรคท้าวแสนปม neurofibromatosis type 1 (NF1) อาการอื่นร่วมด้วย ได้แก่ ก้อนใต้ผิวหนัง ปัญหาทางสมอง หรือความผิดปกติของกระดูก
- McCune-Albright syndrome ปานสีน้ำตาลขนาดใหญ่ ขอบไม่เรียบ พบปานร่วมกับความผิดปกติของฮอร์โมนและกระดูก
นอกจากนี้ ยังควรระวังเรื่องการเปลี่ยนแปลงของสี ขนาด หรือรูปร่างของปาน เพราะอาจบ่งชี้ถึงปัญหาทางผิวหนังอื่น ๆ เช่น มะเร็งผิวหนัง แม้จะพบได้น้อย
คำแนะนำ
- หมั่นตรวจเช็กผิวหนังเป็นระยะ โดยเฉพาะในเด็กเล็ก
- หากพบความผิดปกติ ควรพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยอย่างละเอียด
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสสารเคมีหรือแสงแดดโดยตรงที่บริเวณปาน
วิธีการรักษาปานสีน้ำตาล
การรักษาปานสีน้ำตาลมีหลายวิธี ขึ้นอยู่กับความรุนแรง ความต้องการด้านความสวยงาม หรือข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ โดยทั่วไปแล้วไม่จำเป็นต้องรักษาหากไม่มีภาวะแทรกซ้อน
วิธีที่ใช้บ่อย ได้แก่
- เลเซอร์ (Laser Treatment) เช่น Q-switched lasers ช่วยให้สีจางลงได้อย่างปลอดภัย แต่ต้องทำหลายครั้งและผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล
- การผ่าตัด (กรณีที่เกี่ยวกับเนื้องอกหรือก้อน) หากปานเกี่ยวข้องกับภาวะทางพันธุกรรม อาจต้องพิจารณาผ่าตัดร่วมกับการดูแลอื่น ๆ
ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางก่อนเลือกแนวทางการรักษาเพื่อความปลอดภัย โดยเฉพาะในเด็กเล็กที่ผิวยังบอบบาง
ปานสีน้ำตาล แม้จะดูเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่หากมีจำนวนมาก ขนาดใหญ่ หรือเปลี่ยนแปลงผิดปกติ ควรได้รับการตรวจสอบจากแพทย์เพื่อป้องกันโรคร้ายแรงที่อาจแฝงอยู่ การเข้าใจและเฝ้าระวังตั้งแต่เนิ่น ๆ เป็นกุญแจสำคัญในการดูแลสุขภาพผิวอย่างปลอดภัย ทั้งนี้ การรักษาในปัจจุบันมีหลายวิธีให้เลือกโดยยึดหลักความปลอดภัยและความเหมาะสมเป็นสำคัญ
ข้อมูลจาก
อ. พญ.สัญชวัล วิทยากรฤกษ์
สาขาวิชาเวชศาสตร์ผู้ป่วยนอกเด็กและวัยรุ่น ภาควิชากุมารเวชศาสตร์
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
คลิกชมคลิปรายการ “ลัดคิวหมอ – ปานสีน้ำตาล ภาวะผิวผิดปกติที่พบได้ตั้งแต่กำเนิด | by RAMA Channel” ได้ที่นี่
ติดตาม Rama Channel เพื่อรับข้อมูลด้านสุขภาพเพิ่มเติมได้ที่
Website Ramathibodi: https://www.rama.mahidol.ac.th/
Youtube: RAMA Channel
Facebook: รามาแชนแนล Rama Channel
LINE: Ramathibodi
Tiktok: ramachanneltv รามาแชนแนล ช่องของคนรักสุขภาพ