ปวดหลัง,อาการปวดหลัง,อาการปวด,ปวด
หน้าแรก
ปวดหลัง สัญญาณที่ไม่ควรมองข้าม

ปวดหลัง สัญญาณที่ไม่ควรมองข้าม

ปวดหลัง อาการที่หลายคนกำลังประสบปัญหาในปัจจุบันนี้ ไม่ว่าจะเป็นวัยเรียน วัยทำงาน หรือวัยสูงอายุ ซึ่งบางคนอาจไม่ได้มีอาการปวดรุนแรงมากนัก เมื่อเวลาผ่านไปสามารถหายเองหรือบรรเทาอาการปวดเบื้องต้นได้ด้วยตัวเองจากการรับประทานยาและท่าบริหารยืดกล้ามเนื้อส่วนหลัง แต่ในผู้ป่วยบางคนอาจมีอาการปวดรุนแรงเป็นระยะเวลานานจนเป็นอุปสรรคในการดำเนินชีวิตประจำวัน ซึ่งอาการปวดหลังในลักษณะนี้มีความจำเป็นที่ต้องไปปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุและการรักษาที่ถูกต้อง

ปวดหลัง,อาการปวดหลัง,อาการปวด,ลดอาการปวดหลัง

ปัจจัยที่ทำให้เกิดอาการปวดหลัง

 

 

  • บาดเจ็บจากอุบัติเหตุหรือการเล่นกีฬา
  • ภาวะกระดูกพรุนหรือเปราะบาง
  • ความผิดปกติของกระดูกสันหลังตั้งแต่กำเนิด เช่น กระดูกสันหลังคด
  • ภาวะอ้วนหรือน้ำหนักตัวที่มากเกินไป
  • การนั่งทำงานนาน ๆ หรือการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ
  • ขาดการออกกำลังกายทำให้กล้ามเนื้อรอบกระดูกสันหลังไม่แข็งแรง
  • ยกของ ใช้แรงผลักหรือดึงทำให้กระดูกสันหลังบิด
  • โรคอื่น ๆ ที่ทำให้ปวดร้าวมาที่หลัง เช่น โรคไต โรคเกี่ยวกับรังไข่และมดลูก

ปวดหลัง,อาการปวดหลัง,อาการปวด,ลดอาการปวดหลัง

ปวดหลัง แบบไหนที่เสี่ยงอันตราย

อาการปวดหลังที่บ่งบอกว่าเสี่ยงอันตรายและควรรีบพบแพทย์ทันที ได้แก่

  • อาการปวดหลังเรื้อรังติดต่อกันเป็นระยะเวลานานกว่า 3 เดือน
  • ปวดแบบเฉียบพลันอาการไม่ทุเลาเมื่อได้พัก
  • อาการปวดจนต้องตื่นมากลางดึก
  • ปวดหลังร้าวลงสะโพก ขา น่อง หรือเท้า
  • ปวดรุนแรงไม่สามารถเคลื่อนไหวได้
  • อาการปวดหลังจากการได้รับบาดเจ็บหรือหกล้ม
  • ปวดร่วมกับอาการต่อไปนี้
    • ควบคุมการขับถ่ายไม่ได้
    • ขาอ่อนแรง
    • ชาบริเวณเท้า ขา หรือรอบทวารหนัก
    • คลื่นไส้ อาเจียน มีไข้
    • น้ำหนักตัวลดลงผิดปกติ

ปวดหลังบอกโรคอะไรบ้าง?

อาการปวดหลังสามารถแบ่งออกได้หลายส่วน ได้แก่ ส่วนบน ส่วนด้านซ้าย ด้านขวา และส่วนล่าง ซึ่งอาการปวดหลังในแต่ละส่วนสามารถบอกได้ว่ามีความเสี่ยงโรคอะไรบ้าง

  • อาการปวดหลังส่วนบน อาจมีอาการที่ร่วมกับอาการปวดคอ บ่า ไหล่ แขน และมืออ่อนแรงร่วมด้วย สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการใช้ท่าทางที่ไม่เหมาะสมเป็นเวลานาน เช่น การนั่งทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ ซึ่งอาการปวดหลังส่วนบนอาจเสี่ยงโรคกระดูกสันหลังส่วนคอเสื่อมทับเส้นประสาท โรคหมอนรองกระดูกคอ หรือโรคของกล้ามเนื้อ เช่น ออฟฟิศซินโดรม
  • อาการปวดหลังด้านซ้ายหรือด้านขวา ส่วนใหญ่มักเกิดจากกล้ามเนื้อที่หลังผิดปกติ ข้อต่อกระดูกส่วนอก ประสบอุบัติเหตุ เกิดการกระแทก หรือยกของหนักมากเกินไป ทำให้อาจมีความเสี่ยงโรคกระดูกซี่โครงอ่อนบาดเจ็บรวมไปถึงโรคของกล้ามเนื้อร่วมด้วย
  • อาการปวดหลังช่วงเอวหรือส่วนล่าง อาจมีสาเหตุมาจากการเคลื่อนไหวที่ไม่ถูกต้อง ใช้เวลาไปกับการนั่งหรือยืนนานเกินไป มีน้ำหนักตัวที่มากเกิน และยังเป็นสัญญาณเตือนของโรคที่อาจพบได้บ่อย เช่น โรคหมอนรองกระดูก กระดูกสันหลังติดเชื้อ หรือการผิดรูปของกระดูกสันหลัง นอกจากนี้อาการปวดหลังส่วนล่างก็อาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคไต โรคหลอดเลือดหัวใจ หรือโรคเกี่ยวกับทางเดินอาหารได้ด้วยเช่นกัน ดังนั้นหากมีอาการปวดหลังส่วนล่างเป็นระยะเวลานานควรรีบเข้ามาพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง

ปวดหลัง,อาการปวดหลัง,อาการปวด,ลดอาการปวดหลัง,ปวด

 

วิธีบรรเทาอาการ ปวดหลัง เบื้องต้น

อาการปวดหลังที่เกิดจากกล้ามเนื้อหดเกร็งเนื่องจากเคลื่อนไหวผิดท่า หรือจากการนั่งทำงานเป็นเวลานานสามารถบรรเทาอาการปวดหลังเบื้องต้นได้ด้วยตนเอง ดังนี้

  • ประคบร้อนและเย็น

การประคบเย็นจะมีส่วนช่วยลดการอักเสบได้ดี แนะนำประคบเย็นในช่วงที่เพิ่งเริ่มปวดหรืออักเสบ 48 ชั่วโมงแรก หลังจากนั้นให้เปลี่ยนเป็นประคบร้อนแทน โดยวางถุงน้ำแข็งลงบนบริเวณหลังที่มีอาการปวดไว้ 20 นาที ทุก ๆ 2 ชั่วโมง ซึ่งการประคบร้อนจะบรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อ ช่วยให้หลอดเลือดขยาย การไหลเวียนเลือดดีขึ้นทำให้อาการปวดบรรเทาลงเป็นเวลา 15-20 นาที

  • รับประทานยาหรือทายาแก้ปวด

เมื่อมีอาการปวดหลังสามารถบรรเทาอาการปวดเบื้องต้นได้ด้วยตัวเองโดยการรับประทานยาที่ลดการอักเสบของกล้ามเนื้อ ยาแก้ปวดหลัง และทาครีมบรรเทาอาการปวดหรือใช้แผ่นแปะที่สามารถบรรเทาอาการปวดหลังได้

  • ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและสิ่งแวดล้อมในชีวิตประจำวัน

พฤติกรรมในชีวิตประจำวันอาจเป็นหนึ่งสาเหตุที่ก่อให้เกิดอาการปวดหลังได้ ดังนั้นจึงต้องมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและสิ่งแวดล้อมให้มีความเหมาะสม เช่น หลีกเลี่ยงการนั่งทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ยกของหนักมากเกินไป ปรับระดับโต๊ะทำงานและเก้าอี้ให้มีความสัมพันธ์กัน หรือหลีกเลี่ยงการใส่ส้นสูงเป็นเวลานาน

  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

อาการปวดหลังอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุโดยส่วนใหญ่มักมีสาเหตุมาจากกล้ามเนื้อหลังที่ตึง ซึ่งการออกกำลังกายเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยให้กล้ามเนื้อหลังมีความแข็งแรงมากยิ่งขึ้น ป้องกันกล้ามเนื้ออักเสบและการปวดหลังจากการทำกิจกรรมอื่น ๆ ในชีวิตประจำวันได้

วิธีการรักษา

อาการปวดหลังกำลังประสบปัญหาอาจมีสาเหตุของอาการมาจากหลายสาเหตุ ทำให้วิธีการรักษามีความแตกต่างกันออกไป ดังนี้

  1. รักษาด้วยการรับประทานยาแก้ปวด
  2. ทายานวดเพื่อลดอาการปวด
  3. ทำกายภาพบำบัด
  4. ออกกำลังกายเพื่อช่วยให้กล้ามเนื้อหลังแข็งแรง
  5. เปลี่ยนสภาพแวดล้อมการทำงาน
  6. ควบคุมน้ำหนัก
  7. รักษาด้วยการฉีดยาลดการอักเสบ
  8. ผ่าตัดเพื่อลดการกดทับเส้นประสาท

อาการปวดหลังที่พบส่วนใหญ่อาจเกิดจากกล้ามเนื้อที่หลังอักเสบ จากพฤติกรรมความเคยชินในชีวิตประจำวัน เช่น การนั่งทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน การยกของหนักในท่าทางที่ผิด หรือการออกกำลังกายที่มีการเคลื่อนไหวผิดท่า ซึ่งสามารถให้ดีขึ้นได้จากการรับประทานยาหรือทายาบรรเทาอาการปวด 

ถ้าหากผู้ป่วยมีอาการปวดหลังเรื้อรังมากกว่า 3 เดือน โดยไม่สามารถบรรเทาอาการปวดด้วยการทายาหรือรับประทานยาร่วมกับอาการที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น จำเป็นต้องรีบเข้ามาปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงและรับการรักษาอย่างถูกวิธีต่อไป

ข้อมูลจาก

ผศ. นพ.ปิลันธน์ ใจปัญญา

ศัลยกรรมกระดูกและข้อ

สถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์

คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี

มหาวิทยาลัยมหิดล

RAMA Channel

บทความที่เกี่ยวข้อง

รู้ทัน ถุงน้ำในตับอ่อน เสี่ยงทุกวัย ไม่เลือกเพศ
ถุงน้ำในตับอ่อนเป็นโรคเงียบที่เกิดได้ทุกเพศทุกวัย อาจไม่มีอาการแต่เสี่ยงกลายเป็นมะเร็ง รู้ทันเพื่อวางแผนตรวจและรักษาอย่างทันท่วงที
บทความสุขภาพ
29-05-2025

7

แพทย์เตือน ! ห้าม ล้างไก่สด ก่อนปรุง
การล้างไก่สดก่อนปรุงอาจกระจายเชื้อแบคทีเรียอย่างแคมไพโลแบคเตอร์ไปยังอ่างล้างจานและเครื่องครัว เสี่ยงปนเปื้อนอาหารและทำให้เกิดโรคท้องร่วง
บทความสุขภาพ
28-05-2025

10

โรคพยาธิในช่องคลอด-ภัยเงียบที่ซ่อนอยู่ในร่างกายผู้หญิง
โรคพยาธิในช่องคลอดเกิดจากการติดเชื้อโปรโตซัว มักมีอาการตกขาวมีกลิ่น คัน แสบ หากไม่รักษาอาจลุกลามและส่งผลต่อระบบสืบพันธุ์ของผู้หญิง
บทความสุขภาพ
25-05-2025

7

ปานสีน้ำตาล-ภาวะผิวผิดปกติที่พบได้ตั้งแต่กำเนิด
ปานสีน้ำตาลเกิดจากเม็ดสีผิวผิดปกติ อาจเป็นเพียงความสวยงามตามธรรมชาติหรือสัญญาณโรคร้าย ควรหมั่นสังเกตขนาด สี และรูปร่างที่เปลี่ยนแปลง
บทความสุขภาพ
22-05-2025

5

ปรึกษาปัญหาสุขภาพ
0 2201 1000
0 2200 3000

งานสื่อสารองค์กร คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี

270 ถนนพระรามที่ 6 แขวงทุ่งพญาไท
เขตราชเทวี กรุงเทพฯ 10400
โทร. 0 2201 0182
โทรสาร 0 2201 2127
อีเมล ramachannel24@gmail.com

© 2024, RAMA CHANNEL