โรคลมแดด หรือที่เรียกว่า ฮีทสโตรก (heat stroke) เป็นหนึ่งในภาวะฉุกเฉินทางสุขภาพที่อันตรายถึงชีวิต ซึ่งมักเกิดขึ้นบ่อยในช่วงฤดูร้อนของประเทศไทย เมื่อร่างกายต้องเผชิญกับอุณหภูมิสูงอย่างต่อเนื่อง จนไม่สามารถระบายความร้อนได้ทัน อุณหภูมิภายในร่างกายจึงพุ่งสูงเกินระดับปกติอย่างรวดเร็ว ส่งผลกระทบต่อระบบการทำงานของอวัยวะสำคัญโดยตรง
โรคลมแดดไม่ใช่แค่เรื่องของการ “ร้อนจัด” เท่านั้น แต่ยังอาจทำให้หมดสติ สมองถูกทำลาย หรือแม้แต่เสียชีวิตได้หากไม่รีบดูแลอย่างทันท่วงที บทความนี้จะไปรู้จักกับภัยร้ายที่ซ่อนอยู่ในอากาศร้อน พร้อมแนะนำวิธีสังเกตอาการ กลุ่มเสี่ยง ปัจจัยกระตุ้น และแนวทางการป้องกันอย่างถูกวิธี เพื่อให้คุณและคนที่คุณรักผ่านหน้าร้อนนี้ไปอย่างปลอดภัยและสุขภาพดี
โรคลมแดด คืออะไร ?
โรคลมแดด หรือ ฮีทสโตรก (heat stroke) คือ ภาวะที่ร่างกายมีอุณหภูมิสูงเกิน 35 องศาเซลเซียส เนื่องจากไม่สามารถระบายความร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมักเกิดจากการอยู่กลางแดดจัดเป็นเวลานาน หรือทำกิจกรรมกลางแจ้งโดยไม่มีการป้องกันที่ดีพอ
เมื่อระบบควบคุมอุณหภูมิในร่างกายล้มเหลว ความร้อนจะสะสมมากขึ้นเรื่อย ๆ จนส่งผลกระทบต่อระบบต่าง ๆ ภายในร่างกาย ทั้งระบบประสาท สมอง หัวใจ และไต หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงหรือถึงแก่ชีวิตได้
อาการของโรคลมแดด เป็นอย่างไร ?
การรู้จักอาการเบื้องต้นของโรคลมแดดเป็นสิ่งสำคัญในการช่วยเหลือผู้ป่วยได้ทันท่วงที โดยอาการที่พบได้บ่อย ได้แก่
- ตัวร้อนจัด ผิวหนังแดงและแห้ง (ไม่มีเหงื่อออก)
- หัวใจเต้นเร็วและแรง
- ปวดศีรษะ หน้ามืด คลื่นไส้
- พูดไม่ชัด สับสน หรือหมดสติ
- อาจมีอาการชักในบางราย
อาการเหล่านี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและรุนแรง จึงจำเป็นต้องรีบพาผู้ป่วยเข้าสู่ที่ร่ม และขอความช่วยเหลือทางการแพทย์ทันที
สาเหตุการเกิดโรคลมแดด
โรคลมแดดเกิดจากความร้อนสะสมในร่างกายจนไม่สามารถระบายออกได้ทัน ซึ่งมักเกิดจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น
- การอยู่กลางแดดเป็นเวลานานโดยไม่มีเครื่องป้องกัน (หมวก เสื้อแขนยาว)
- การออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมกลางแจ้งในอุณหภูมิสูง
- อยู่ในพื้นที่อับอากาศ หรือห้องที่ไม่มีการระบายลม
- ดื่มน้ำน้อย ทำให้ร่างกายขาดน้ำและระบายความร้อนไม่ได้ดี
พฤติกรรมเหล่านี้เพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคลมแดด โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อนที่อุณหภูมิสูงผิดปกติ
ปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคลมแดด มีอะไรบ้าง ?
ปัจจัยเสี่ยงที่เพิ่มโอกาสในการเกิดโรคลมแดด (heat stroke) มีดังนี้
- เด็กเล็กและผู้สูงอายุ (มากกว่า 65 ปี) มีระบบการควบคุมอุณหภูมิร่างกายที่ยังไม่สมบูรณ์หรือเสื่อมลง ทำให้ปรับตัวต่อความร้อนได้ยากขึ้น
- ผู้ที่มีโรคหัวใจ โรคปอด โรคอ้วน หรือไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดโรคลมแดด
- ยาที่มีผลต่อการควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย เช่น ยาขับปัสสาวะ ยาลดความดันเลือด ยาต้านเศร้า หรือยารักษาโรคจิตเภท อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคลมแดด
- สัมผัสอากาศร้อนอย่างฉับพลัน การย้ายไปอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีอากาศร้อนจัดโดยที่ร่างกายยังไม่ปรับตัว เช่น การเดินทางไปประเทศที่มีอากาศร้อนกว่า หรือช่วงที่มีคลื่นความร้อน
- ออกกำลังกายหรือทำงานหนักในสภาพอากาศร้อน กิจกรรมที่ใช้แรงมากในสภาพแวดล้อมที่ร้อนจัด โดยเฉพาะผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับสภาพอากาศดังกล่าว
- สวมใส่เสื้อผ้าที่ไม่เหมาะสม เสื้อผ้าที่หนาและไม่ระบายความร้อน ทำให้เหงื่อระเหยได้ยาก ส่งผลให้ร่างกายระบายความร้อนได้ไม่ดี
- การดื่มน้ำไม่เพียงพอ ทำให้ร่างกายไม่สามารถผลิตเหงื่อเพื่อระบายความร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้สามารถช่วยลดโอกาสในการเกิดฮีทสโตรกได้อย่างมาก
จะป้องกันโรคลมแดดได้อย่างไร ?
การป้องกันโรคลมแดดสามารถทำได้ง่าย ๆ ด้วยการปรับพฤติกรรมและเตรียมตัวให้พร้อมก่อนออกไปเผชิญอากาศร้อน เช่น
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ อย่างน้อย 6-8 แก้วต่อวัน หรือมากกว่านั้นหากทำกิจกรรมกลางแจ้ง
- หลีกเลี่ยงการอยู่กลางแดดในช่วงเวลาที่แดดแรง (ช่วงเวลา 10.00 – 16.00 น.)
- สวมใส่เสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี สีอ่อน ใช้หมวกหรือร่มกันแดด
- พักในที่ร่มหรือห้องปรับอากาศหากรู้สึกเหนื่อยหรือร้อนเกินไป
- หมั่นสังเกตอาการตนเองและคนรอบข้างอยู่เสมอ
ใครเสี่ยงต่อการเป็นโรคลมแดด ?
กลุ่มเสี่ยงที่ควรระวังเป็นพิเศษ ได้แก่
- กลุ่มคนที่ทำงานกลางแจ้ง สัมผัสกับอุณหภูมิที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
- คนสูงอายุหรือเด็กที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเอง เนื่องจากถ้าบุคคลเหล่านี้อยู่ในห้องที่ปิดตาย ไม่มีอากาศที่ไทยไม่มีลมพัดพาอากาศร้อนไปได้ จะทำให้ต้องอยู่กับอุณหภูมิที่สูงเป็นเวลานานสุดท้ายก็จะทำให้ไม่สามารถขับเหงื่อไปได้ แล้วก็จะเกิดเป็นโรคลมแดด ซึ่งเกิดขึ้นค่อนข้างบ่อยในผู้สูงวัย อ่านข้อมูลเพิ่มเกี่ยวกับ “ภาวะขาดน้ำ ผู้สูงอายุต้องระวัง”
- นักกีฬา เช่น การวิ่งมาราธอนต่าง ๆ ที่จะต้องสัมผัสอากาศที่ร้อนหรือความชื้นที่สูงทำให้ไม่สามารถขับเหงื่อได้ ก็จะทำให้เกิดภาวะที่จะเสี่ยงต่อภาวะฮีทสโตรกมากขึ้นกว่าบุคคลอื่น
- คนที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคความดันเลือด ผู้ป่วยที่ต้องกินยาขับปัสสาวะ
- คนที่ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เป็นตัวปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดโรคลมแดดได้มากกว่าคนปกติทั่วไป
- สตรีมีครรภ์ อาจจะเป็นลมและเป็นอันตรายต่อตัวเองและทารก อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ โรคลมแดด (heat stroke) คุณแม่ตั้งครรภ์ควรระวัง
การปฐมพยาบาลเบื้องต้น ผู้ป่วยโรคลมแดด หรือฮีทสโตรก
หากพบว่ามีอาการของโรคลมแดด ควรรีบดูแลอย่างเร่งด่วน ดังนี้
- พาเข้าที่ร่มหรือห้องแอร์ ทันที
- ถอดเสื้อผ้าชั้นนอก และช่วยระบายอากาศ
- ใช้น้ำเย็นเช็ดตัว หรือพัดลมช่วยลดอุณหภูมิ
- ดื่มน้ำเปล่า หลีกเลี่ยงน้ำหวานหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
- หากเจอผู้ป่วยที่หมดสติและไม่หายใจ โทร. 1669 หน่วยบริการการแพทย์ฉุกเฉิน เพื่อเข้ารักษาผู้ป่วยอย่างรวดเร็ว และทำการ CPR ผู้ป่วย ณ บริเวณนั้น
โรคลมแดด หรือฮีทสโตรก ไม่ใช่เรื่องไกลตัว โดยเฉพาะในช่วงหน้าร้อนที่อุณหภูมิสูงมากกว่าปกติ การรู้เท่าทันอาการ สาเหตุ และวิธีป้องกันอย่างถูกต้อง จะช่วยลดความเสี่ยงและปกป้องชีวิตคุณและคนรอบข้างจากภัยร้ายที่อาจเกิดขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว อย่าลืมดูแลตัวเองให้ดี ดื่มน้ำให้เพียงพอ พักผ่อนในที่ร่ม และสังเกตอาการอยู่เสมอ
เพราะสุขภาพที่ดีเริ่มต้นได้จากความเข้าใจและการใส่ใจในรายละเอียดเล็ก ๆ ที่อาจช่วยชีวิตคุณได้ในเวลาคับขัน
ข้อมูลโดย
อ. นพ.กานต์ สุทธาพานิช
ภาควิชาเวชศาสตร์ฉุกเฉิน
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
ติดตาม Rama Channel เพื่อรับข้อมูลด้านสุขภาพเพิ่มเติมได้ที่
Website Ramathibodi: https://www.rama.mahidol.ac.th/
Youtube: RAMA Channel
Facebook: รามาแชนแนล Rama Channel
LINE: Ramathibodi
Tiktok: ramachanneltv รามาแชนแนล ช่องของคนรักสุขภาพ