อาการปวดท้องน้อย ประจำเดือนมามาก มากะปริดกะปรอย หรือปวดประจำเดือนเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ นับว่าเป็นปัญหาของผู้หญิงหลายคน อาการเหล่านี้อาจเป็นปัจจัยเสี่ยงอย่างหนึ่งที่ทำให้เกิดภาวะ ถุงน้ำในรังไข่ หรือ ซีสต์
ภาวะถุงน้ำในรังไข่ คืออะไร
ถุงน้ำในรังไข่ เป็นหนึ่งในภาวะที่เกิดขึ้นได้เองโดยธรรมชาติตามรอบเดือนในวัยเจริญพันธ์ุที่บริเวณรังไข่ข้างใดข้างหนึ่งหรือรอบรังไข่ สาเหตุเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในช่วงที่ไข่ตก เยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่ และรวมไปถึงความผิดปกติของรังไข่ ซึ่งภาวะถุงน้ำในรังไข่บางชนิดอาจไม่ส่งผลกระทบต่อร่างกาย สามารถรับชมข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ – โรคถุงน้ำรังไข่ ผู้หญิงวัยไหนก็มีสิทธิ์เป็น
ประเภทของ ถุงน้ำในรังไข่
แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ ๆ ดังนี้
- กลุ่มที่ 1 คือ ถุงน้ำหรือ ซีสต์ ที่เกิดจากการทำงานตามปกติของรังไข่ มีลักษณะ คือ มักจะมีขนาดไม่ใหญ่ (ไม่เกิน 8 เซนติเมตร) ไม่มีบริเวณเนื้อตัน มักไม่ก่อให้เกิดอาการใด ๆ มีโอกาสเกิดขึ้นและยุบลงไปได้เองในแต่ละรอบเดือนหรือภายใน 2-3 เดือน ไม่จำเป็นต้องรักษา
- กลุ่มที่ 2 คือ ถุงน้ำหรือก้อนที่เกิดจากพยาธิสภาพอื่น ๆ เช่น การที่มีเนื้อเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ คือ ไปเจริญเติบโตที่รังไข่ หรือที่เรียกว่าช็อกโกแลตซีสต์ หรืออาจเป็นถุงน้ำที่เป็นก้อนหนอง ซึ่งเกิดจากการอักเสบมีการคั่งของก้อนหนองบริเวณปีกมดลูกซึ่งรวมถึงท่อนำไข่และรังไข่
- กลุ่มที่ 3 คือ ถุงน้ำหรือก้อนที่เป็นเนื้องอกของรังไข่ซึ่งอาจจะเป็นเนื้องอกธรรมดาหรือเนื้องอกชนิดร้าย (มะเร็ง) เนื้องอกธรรมดา ตัวอย่างของเนื้องอกในกลุ่มนี้ที่พบได้บ่อย ได้แก่ dermoid tumor หรือ benign teratoma ที่มีส่วนประกอบเป็นเนื้อเยื่อหลายชนิด เช่น ผม ฟัน หรือผิวหนังซึ่งสร้างไขมัน เนื้องอกหรือถุงน้ำชนิดอื่นที่เจริญมาจากเยื่อบุผิวของรังไข่ เช่น serous หรือ mucinous tumor เนื้องอกมะเร็ง ซึ่งอาจมีลักษณะเป็นถุงน้ำและมักมีบริเวณเนื้อตัน หรือเป็นก้อนเนื้อตันทั้งหมด เช่น serous หรือ mucinous cystadenocarcinoma
อาการเสี่ยงถุงน้ำในรังไข่
- ปวดท้องน้อย
- รู้สึกหน่วงที่บริเวณท้องน้อย
- ประจำเดือนมาน้อยหรือมามากกว่าปกติ
- คลำพบก้อนที่ท้องน้อย
- ปวดปัสสาวะบ่อย
- ปวดหลังส่วนล่าง
- เจ็บปวดเมื่อมีเพศสัมพันธ์
ภาวะแทรกซ้อน
ภาวะถุงน้ำในรังไข่ส่วนใหญ่จะไม่เกิดอาการที่เป็นอันตรายต่อร่างกายและสามารถหายได้เองโดยไม่ต้องรับการรักษา ซึ่งหากผู้ป่วยมีอาการรุนแรงอาจทำให้เกิดอาการแทรกซ้อนได้ ดังนี้
- ภาวะรังไข่บิดขั้ว เกิดจากการที่ถุงน้ำขยายใหญ่มากเกินไปจนรังไข่บิดและอาจส่งผลให้เลือดไม่ไปเลี้ยงรังไข่ ผู้ป่วยจะมีอาการปวดบริเวณท้องน้อย กดแล้วเจ็บ คลื่นไส้ อาเจียน
- ถุงน้ำในรังไข่แตก เมื่อเกิดภาวะนี้ขึ้นจะทำให้เกิดอาการปวดท้องอย่างรุนแรง อาจมีเลือดออกภายใน ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อและอันตรายถึงชีวิต หากผู้ป่วยไม่ได้เข้ารับการรักษา
วิธีการรักษา ถุงน้ำในรังไข่
ถุงน้ำในรังไข่ปกติจะสามารถหายไปเองได้โดยที่ไม่ต้องเข้ารับการรักษา แต่แพทย์จะมีการนัดตรวจร่างกายซ้ำภายใน 1-3 เดือนเพื่อติดตามอาการ หากถุงน้ำในรังไข่ไม่สามารถหายไปเองได้ทางแพทย์จะพิจารณาวิธีการรักษาอื่น ๆ เช่น
- การใช้ยาคุมกำเนิดหรือยาฮอร์โมน
- ผ่าตัดส่องกล้องสำหรับถุงน้ำที่มีขนาดเล็กและไม่ใช่มะเร็ง
- ผ่าตัดเปิดหน้าท้องกรณีถุงน้ำขนาดใหญ่และมีโอกาสเป็นมะเร็ง
ข้อมูลจาก
รศ. พญ.อรวี ฉินทกานันท์
สาขาวิชาเวชศาสตร์เชิงกรานสตรีและศัลยกรรมซ่อมเสริม ภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
อย่าลืมกดติดตามช่อง Rama Channel ที่น่าสนใจอีกมากมายได้ที่
Website: https://www.rama.mahidol.ac.th/ramachannel/
Website Rama mahidol : https://www.rama.mahidol.ac.th/
Facebook: https://www.facebook.com/ramachannel