หลาย ๆ คนอาจจะเคยเห็นข่าว ขนแมว เข้าปอดตามโลกโซเชียลกันมาบ้าง ซึ่งมีการถกเถียงถึงความเป็นจริงว่า ขนแมว เข้าจมูกอันตรายไหม หรือ ขนสัตว์เข้าปอดได้ไหม การที่ขนสัตว์เลี้ยง เช่น ขนสุนัขหรือขนแมวเข้าปอดได้นั้น มีงานวิจัยบ่งบอกอย่างชัดเจนว่า การที่ ขนสัตว์เลี้ยงเข้าปอด ของคนได้นั้น เป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้จริงหรือเกิดขึ้นได้ยาก แม้ว่ารังแคและขนของสัตว์เลี้ยงจะเป็นปัญหาสำหรับผู้ที่มีอาการแพ้หรือโรคระบบทางเดินหายใจ แต่การที่ขนสัตว์จะเข้าสู่ปอดจนเกิดปัญหาสุขภาพอย่างร้ายแรงนั้นเป็นไปได้ยาก ซึ่งควรทำความเข้าใจรายละเอียดเกี่ยวกับประเด็นนี้ให้มากขึ้น
ความเป็นจริงเกี่ยวกับ ขนสัตว์เลี้ยงเข้าปอด
- การหายใจเอาขนสัตว์เข้าไป เมื่ออยู่ใกล้สัตว์เลี้ยง ขนสัตว์เลี้ยงอาจปลิวอยู่ในอากาศและหายใจเอาขนสัตว์เล็ก ๆ เข้าไปในระบบทางเดินหายใจได้ แต่ส่วนใหญ่ขนสัตว์จะถูกดักจับอยู่ในจมูกหรือลำคอก่อนที่จะเข้าสู่ปอดจึงทำให้ยากมากที่ขนแมวหรือขนหมาจะเข้าสู่ปอดได้
- การกำจัดขนออกจากระบบทางเดินหายใจ ร่างกายมีระบบการกรองและการกำจัดสิ่งแปลกปลอมออกจากระบบทางเดินหายใจ เช่น ขนสัตว์เลี้ยงขนาดเล็ก ๆ จะถูกดักจับโดยเมือกและขนจมูก ซึ่งหลังจากถูกจับ ขนเหล่านั้นจะถูกขับออกมาผ่านการไอ จาม หรือการกลืนลงกระเพาะอาหาร
- โอกาสที่ขนสัตว์จะเข้าสู่ปอด ขนสัตว์เลี้ยงที่มีขนาดใหญ่เกินกว่าฝุ่นละอองทั่วไป มักจะไม่สามารถผ่านเข้าถึงปอดได้ และจะถูกดักจับอยู่ในส่วนบนของระบบทางเดินหายใจทำให้เปอร์เซ็นต์ที่ขนสัตว์จะเข้าสู่ปอดน้อยมาก
ผลกระทบต่อสุขภาพจากขนสัตว์เลี้ยง
แม้ว่าขนสัตว์เลี้ยงจะไม่สามารถเข้าสู่ปอดได้ง่าย ๆ แต่ขนสัตว์เลี้ยงก็มีผลกระทบต่อสุขภาพในด้านอื่น ๆ โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่มีอาการแพ้หรือโรคทางเดินหายใจเรื้อรัง
- อาการแพ้ (Allergic reactions) ผู้ที่แพ้รังแคและขนสัตว์เลี้ยงอาจมีอาการจาม คันตา น้ำมูกไหล หรือมีผื่นขึ้น เมื่อสัมผัสกับรังแคและขนสัตว์เลี้ยง สารที่ทำให้แพ้ไม่ใช่ขนสัตว์เอง แต่เป็นโปรตีนในน้ำลาย ปัสสาวะ หรือรังแค (dander) ของสัตว์ที่ติดมากับขน
- โรคหอบหืด (Asthma) สำหรับผู้ที่มีโรคหอบหืด การสัมผัสกับรังแค ขนสัตว์เลี้ยง และสารก่อภูมิแพ้ที่ติดมากับขนสัตว์อาจทำให้อาการหอบหืดกำเริบได้
- การติดเชื้อ ในบางกรณีหายาก ขนสัตว์เลี้ยงที่ปนเปื้อนเชื้อโรคอาจเป็นสื่อกลางการนำเชื้อเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจ แต่ไม่ใช่การเข้าไปฝังในปอดโดยตรงอย่างที่กล่าวไปข้างต้น
วิธีการป้องกันและลดความเสี่ยงโรคจาก ขนสัตว์เลี้ยง
- การทำความสะอาดบ้าน ทำความสะอาดบ้านและพื้นที่ที่สัตว์เลี้ยงอยู่บ่อย ๆ เพื่อลดปริมาณรังแคและขนสัตว์เลี้ยงที่ตกอยู่ในบ้าน หรือใช้เครื่องดูดฝุ่นที่มีตัวกรอง HEPA เพื่อลดฝุ่นและขนสัตว์ในอากาศ
- การดูแลสัตว์เลี้ยง แปรงขนสัตว์เลี้ยงอย่างสม่ำเสมอเพื่อลดการหลุดร่วงของขน และอาบน้ำให้สัตว์เลี้ยงเพื่อรักษาความสะอาด ป้องกันเชื้อโรคต่าง ๆโดยผู้่ที่ไม่มีประวัติการแพ้รังแคหรือขนสัตว์มาก่อน
- การจัดการสุขภาพของผู้ที่แพ้ หากมีอาการแพ้ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษาและคำแนะนำในการจัดการกับอาการแพ้ โดยเฉพาะผู้ที่แพ้ขนสัตว์แต่เลี้ยงสัตว์เลี้ยง
วิธีการดูแลสัตว์เลี้ยงเพื่อลดปริมาณสารก่อภูมิแพ้
การดูแลสัตว์เลี้ยงเพื่อลดปริมาณสารก่อภูมิแพ้เป็นสิ่งสำคัญในการรักษาสุขภาพของทั้งสัตว์เลี้ยงและเจ้าของ มาดูวิธีการดูแล ขนสัตว์เลี้ยง เพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงของการสะสมสารก่อภูมิแพ้
- การอาบน้ำ
- อาบน้ำให้สัตว์เลี้ยงอย่างสม่ำเสมอ
- ใช้แชมพูสำหรับสัตว์เลี้ยงที่ปราศจากสารเคมีที่เป็นอันตราย และที่เหมาะสมกับชนิดและสภาพขนของสัตว์เลี้ยง
- การแปรงขน
- แปรงขนเป็นประจำอย่างน้อย 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ หรือทุกวันถ้าเป็นไปได้ โดยใช้แปรงที่เหมาะสมกับประเภทขน
- การแปรงขนช่วยกำจัดขนที่หลุดร่วงและลดการสะสมของรังแคซึ่งเป็นสารก่อภูมิแพ้และเป็นแหล่งอาหารของเชื้อโรค
- การตรวจสุขภาพผิวหนังและขน
- ตรวจดูผิวหนังและขนของสัตว์เลี้ยงเป็นประจำเพื่อหาหมัด เห็บ หรือปรสิตอื่น ๆ ที่อาจเป็นพาหะนำเชื้อโรค หากพบให้รีบกำจัดและรักษาตามคำแนะนำของสัตวแพทย์
- หากพบว่ามีรอยแดง ผื่น หรือการหลุดร่วงของขนผิดปกติ ควรพาสัตว์เลี้ยงไปพบสัตวแพทย์เพื่อตรวจสอบและรักษา
- การใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันพยาธิและปรสิต
- ใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันเห็บและหมัดตามคำแนะนำของสัตวแพทย์ เช่น ยาหยอดหลัง ยาเม็ด หรือปลอกคอกันหมัด
- ให้ยาถ่ายพยาธิตามคำแนะนำของสัตวแพทย์เป็นประจำ เพื่อป้องกันการสะสมของพยาธิที่อาจทำให้สัตว์เลี้ยงอ่อนแอและติดเชื้อโรคได้ง่าย
- การรักษาความสะอาดของที่อยู่อาศัย
- ทำความสะอาดที่นอน ผ้าห่ม และของเล่นของสัตว์เลี้ยงเป็นประจำ เพื่อป้องกันการสะสมของเชื้อโรคและปรสิต
- ดูดฝุ่นและทำความสะอาดบ้านบ่อย ๆ เพื่อกำจัดขนสัตว์และสิ่งสกปรกที่อาจเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรค
- จัดให้สัตว์เลี้ยงอยู่เป็นสัดส่วนแยกจากที่อยู่อาศัยคน
- ใช้เครื่องฟอกอากาศ
- การให้อาหารที่มีคุณภาพ
- เลือกอาหารสัตว์เลี้ยงที่มีคุณภาพและมีสารอาหารที่สมดุล เพื่อเสริมสร้างสุขภาพผิวหนังและขนให้แข็งแรง
- ให้สัตว์เลี้ยงดื่มน้ำสะอาดอย่างเพียงพอ เพื่อช่วยรักษาสุขภาพโดยรวม
- การดูแลสุขภาพทั่วไป
- พาสัตว์เลี้ยงไปพบสัตวแพทย์เป็นประจำ เช่น การตรวจสุขภาพประจำปี การฉีดวัคซีน และการให้คำปรึกษาเรื่องสุขภาพจากสัตวแพทย์เป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันโรคต่าง ๆ
- ให้สัตว์เลี้ยงมีการออกกำลังกายที่เหมาะสมและสม่ำเสมอ เพื่อเสริมสร้างสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง
โดยสรุปแล้ว ขนสัตว์เลี้ยง มีโอกาสน้อยมากที่จะเข้าสู่ปอดและทำให้เกิดปัญหาสุขภาพร้ายแรงโดยตรง เนื่องจากระบบทางเดินหายใจของร่างกายมีการป้องกันและกำจัดสิ่งแปลกปลอมอย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม ขนสัตว์เลี้ยงและสารก่อภูมิแพ้ที่ติดมากับขนอาจทำให้เกิดอาการแพ้ หรือทำให้ผู้ที่มีอาการโรคทางเดินหายใจเรื้อรังแย่ลงได้ การดูแลความสะอาดของบ้านและสัตว์เลี้ยงอย่างเหมาะสมสามารถช่วยลดความเสี่ยงเหล่านี้ได้
ข้อมูลจาก
ผศ. พญ.วรรณดา ไล้สวน
สาขาวิชาโรคภูมิแพ้อิมมูโนวิทยาและโรคข้อ ภาควิชาอายุรศาสตร์
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
อย่าลืมกดติดตามช่อง Rama Channel ที่น่าสนใจอีกมากมายได้ที่
Website Ramathibodi: https://www.rama.mahidol.ac.th/
Youtube: https://www.youtube.com/RamachannelTV
Facebook : https://www.facebook.com/ramachannel
Line: https://page.line.me/ramathibodi
Tiktok: https://www.tiktok.com/@ramachanneltv