หู เป็นอวัยวะสำคัญที่ไม่เพียงแค่ช่วยเรื่องการได้ยินเท่านั้น แต่ยังทำหน้าที่เรื่องการทรงตัวของร่างกายอีกด้วย หลายคนคงเคยมีอาการหูอื้อกันมาบ้าง หลายครั้งก็หายได้เองโดยไม่ต้องทำอะไรมาก แต่บางครั้ง อาการหูอื้อ อาจเป็นสัญญาณอันตรายของโรคบางอย่างได้
หูอื้อคืออะไร
หูอื้อ คือ การได้ยินเสียงที่ลดน้อยลงจากปกติหรือมีเสียงในหู อาจเกิดได้กับหูชั้นนอก หูชั้นกลาง และหูชั้นใน โดยหูชั้นนอกประกอบด้วยใบหูและรูหู หากมีสิ่งแปลกปลอมอุดตันบริเวณนี้ เช่น มีขี้หูหรือมีน้ำในหูจะทำให้หูอื้อได้ ถัดมาเป็นหูชั้นกลาง ประกอบด้วยแก้วหูและกระดูกเล็ก ๆ 3 ชิ้น หากแก้วหูทะลุ มีการอักเสบหรือมีน้ำขังในหูอาจทำให้หูอื้อได้เช่นกัน และชั้นในสุดคือหูชั้นใน ประกอบด้วยอวัยวะรับฟังเสียงรูปก้นหอยและเส้นประสาทหู หากมีการเสื่อมหรือบาดเจ็บก็เป็นสาเหตุให้เกิดหูอื้อได้
สาเหตุของหูอื้อ
อาการหูอื้อเกิดได้จากหลายสาเหตุ แบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลัก ๆ คือ ส่วนการนำเสียง และส่วนประสาทการรับฟังเสียง
- หูอื้อจากส่วนนำเสียงบกพร่อง อาจเกิดจากการมีขี้หู น้ำในหู มีสิ่งแปลกปลอมอยู่ข้างใน แล้วเกิดการติดเชื้อในหูชั้นกลาง หรือเกิดแก้วหูทะลุ
- หูอื้อจากประสาทการรับฟังเสียง สังเกตได้ว่าเมื่ออายุมากขึ้น การได้ยินเสียงมักแย่ลง เพราะประสาทการรับฟังเสียงบกพร่องไปตามวัยนั่นเอง
แก้ อาการหูอื้อ ด้วย 4 วิธีนี้ ได้ผลจริงหรือ
อาการหูอื้อทำให้รู้สึกไม่สบายหู หลายคนอาจเคยแก้อาการหูอื้อด้วยวิธีต่าง ๆ กันมาบ้าง วิธีเหล่านี้ได้ผลแค่ไหน
- วิธีที่ 1 ใช้ไม้แคะหู
วิธีนี้ไม่จริง แม้ว่าขี้หูอุดตันอาจเป็นสาเหตุหนึ่งของอาการหูอื้อ แต่ไม่แนะนำให้ใช้ไม้แคะ เนื่องจากขี้หูอาจถูกดันเข้าไปลึกขึ้น อุดตันมากขึ้น หากไม่ระวังอาจเกิดการบาดเจ็บของหูชั้นนอกหรือเกิดแก้วหูทะลุได้ ทำให้เกิดการติดเชื้อหรือการได้ยินลดลง โดยปกติแล้วขี้หูสามารถออกมาเองได้โดยไม่ต้องแคะ แต่หากมีขี้หูมาก ขี้หูเหนียว จนเกิดการอุดตันภายในรูหูควรมาพบแพทย์เพื่อเอาออกอย่างถูกต้อง
- วิธีที่ 2 นวดหู
วิธีนี้ไม่จริง การนวดหูอาจช่วยให้รู้สึกสบายหูด้านนอก แต่ไม่ได้ช่วยแก้อาการหูอื้อ หากเกิดอาการปวดหูแล้วรู้สึกดีขึ้นอาจเป็นเพราะอาการหูอื้อที่เป็นอยู่ใกล้จะหายพอดี
- วิธีที่ 3 หยอดน้ำใส่หูแล้วเอียงออก
วิธีนี้ไม่จริง เพราะจะยิ่งทำให้มีน้ำในหูมากขึ้น และอาจเกิดหูอักเสบติดเชื้อได้ ขณะอาบน้ำจึงควรระวังไม่ให้น้ำเข้าหู หากต้องการใช้คอตตอนบัดเช็ดออก ควรเช็ดเฉพาะภายนอกใบหูเท่านั้น
- วิธีที่ 4 บีบจมูก กลืนน้ำลาย
วิธีนี้จริงเป็นบางกรณี เพราะหูอื้อเกิดได้จากหลายสาเหตุ หากหูอื้อเพราะความผิดปกติจากการทำงานของท่อปรับความดันในหูชั้นกลาง การใช้มือบีบจมูกแล้วกลืนน้ำลาย หรือบีบจมูกแล้วปิดปากเบ่งลมออกจะช่วยให้อาการหูอื้อดีขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม ควรระมัดระวังไม่ทำแรงเกินไป และไม่ควรทำในช่วงที่เป็นหวัดหรือมีการติดเชื้อของทางเดินหายใจ
การรักษา อาการหูอื้อ
การรักษามีหลายวิธีขึ้นอยู่กับสาเหตุที่ทำให้เกิด อาการหูอื้อ ดังนี้
- ขี้หูอุดตัน ไม่ควรแคะหู อาจหยอดยาละลายขี้หู หากอาการไม่ดีขึ้นหรือมีอาการปวดหูร่วมด้วย ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจอย่างละเอียด
- แรงดันอากาศ ใช้การกลืนน้ำลาย เคี้ยวหมากฝรั่ง หรือเอามือบีบจมูกแล้วเบ่งลมออกเบา ๆ
- โรคหวัด การเป็นหวัดอาจทำให้เกิดจมูกอักเสบเรื้อรัง หรือไซนัสอักเสบได้ จึงควรพบแพทย์เพื่อตรวจดูความผิดปกติของหูชั้นกลางและโพรงจมูก
- โรคบางชนิด หูอื้ออาจเกิดจากโรคหรือภาวะของโรคบางอย่าง จึงควรรักษาโรคที่เป็นสาเหตุของอาการหูอื้อ
- ผลข้างเคียงจากยาบางชนิด คนไข้อาจต้องเปลี่ยนยาเพื่อลดผลข้างเคียงที่ทำให้เกิดหูอื้อ
- แก้วหูอักเสบหรือฉีกขาด กรณีนี้ใช้การรักษาด้วยการผ่าตัด
อาการหูอื้อ แบบไหนควรรีบพบแพทย์
หากเกิดอาการหูอื้อเฉียบพลัน อยู่ ๆ ก็ไม่ได้ยินเสียง หรือมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น เวียนหัว มีน้ำออกจากหู ควรมาพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยหาสาเหตุ
หูอื้อกับความเสี่ยงโรคอื่น ๆ
หูอื้อเป็นอาการเบื้องต้นที่บ่งบอกว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้นกับช่องหู และอาจเป็นสัญญาณบอกโรคบางอย่างได้ เช่น ช่องหูชั้นนอกตีบแคบ ขี้หูอุดตัน การติดเชื้อในช่องหู แก้วหูทะลุ หูน้ำหนวก โรคของเส้นประสาทรับเสียง โรคของสมอง มีเนื้องอก
วิธีดูแลสุขภาพหู
หู เป็นอวัยวะสำคัญที่ช่วยในการรับเสียงและการทรงตัว เรามีวิธีง่าย ๆ ในการดูแลสุขภาพหู ดังนี้
- หลีกเลี่ยงการฟังเสียงดัง การใส่หูฟังนาน ๆ หากต้องอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่มีเสียงดังควรใส่อุปกรณ์ป้องกันเสียง
- หลีกเลี่ยงการแคะหู ระวังไม่ให้น้ำเข้าหู หรือทำกิจกรรมที่ทำให้เกิดการกระแทกที่ศีรษะหรือหู
- หลีกเลี่ยงการใช้ยาบางชนิดที่อาจเป็นพิษต่อหูชั้นใน
- หากมีการติดเชื้อที่หูควรรีบรักษา
กิจวัตรประจำวันหลายอย่างอาจทำให้เราเสี่ยงต่อการเกิดหูอื้อได้ง่าย แต่หากลดปัจจัยเสี่ยงดังกล่าว และรีบพบแพทย์เมื่อมีภาวะผิดปกติจะช่วยให้ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีก่อนที่จะเกิดอันตรายจนถึงขั้นสูญเสียการได้ยินไปตลอดกาล
ข้อมูลจาก
อ. พญ.เนาวรัตน์ ตั้งบำรุงธรรม
ภาควิชาโสต ศอ นาสิกวิทยา
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
อย่าลืมกดติดตามช่อง Rama Channel ที่น่าสนใจอีกมากมายได้ที่
Website: https://www.rama.mahidol.ac.th/ramachannel/
Website Rama mahidol : https://www.rama.mahidol.ac.th/
Facebook: https://www.facebook.com/ramachannel