ทำความรู้จักยาปฏิชีวนะ
“ยาปฏิชีวนะ” หรือ “ยาฆ่าเชื้อ” เป็นยาที่สังเคราะห์ได้จากสิ่งมีชีวิตขนาดเล็ก อาทิเช่น แบคทีเรีย รา เป็นต้น หรือสังเคราะห์ได้จากกระบวนทางเคมี ซึ่งมีความสามารถในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อโรค และในที่สุดเชื้อโรคเหล่านั้นก็ตาย
รับประทานอย่างไร
ยาปฏิชีวนะควรรับประทานติดต่อกันจนหมด แม้อาการจะดีขึ้นแล้ว นั่นเพราะอาการที่ดีขึ้น ไม่ได้หมายความว่าเชื้อโรคในร่างกายจะหมดไป การหยุดรับประทานยาจะทำให้เชื้อโรคที่ยังมีชีวิตอยู่พัฒนาเกิดเป็นเชื้อที่ดื้อยาต่อไปได้ดังนั้นควรรับประทานยาปฏิชีวนะติดต่อกันจนหมดตามที่แพทย์สั่ง
ยาปฏิชีวนะที่ห้ามรับประทานร่วมกับนม หรือ ยาลดกรด
ยาปฏิชีวนะที่ห้ามรับประทานร่วมกับนม หรือยาลดกรด ได้แก่ ยาปฏิชีวนะกลุ่ม fluoroquinolone เช่น ยา norfloxacin, ciprofloxacing เป็นต้น และยาปฏิชีวนะกลุ่ม tetracycline ห้ามรับประทานร่วมกับนม โยเกิร์ตหรือยาลดกรด เพราะยาสามารถเกิดสารประกอบเชิงซ้อนกับประจุบวกของธาตุแคลเซียม แมกนีเซียม อลูมิเนียม ทำให้ยาดูดซึมได้ลดลง ระดับยาในเลือดไม่เพียงพอในการรักษา
การรับประทานยาปฏิชีวนะ ก่อน/หลังรับประทานอาหาร
ยาปฏิชีวนะที่ต้องรับประทานก่อนอาหาร ได้แก่ ยา dicloxacillin, cloxacillin และ roxithromycin ทั้งนี้เพราะยาเหล่านี้สามารถดูดซึมได้ดีขณะท้องว่าง และอาหารมีผลต่อการดูดซึมของยาทำให้การดูดซึมของยาลดลง
เมื่อรับประทานยาปฏิชีวนะกลุ่มซัลฟา ควรดื่มน้ำตามมากๆ
เพราะยาปฏิชีวนะกลุ่มซัลฟา เช่น ยา sulfonamide, sulfamethoxazone มีความเป็นกรดอ่อนๆ ซึ่งจะละลายได้ดีในด่าง แต่ปัสสาวะของคนเรามีคุณสมบัติเป็นกรดอ่อนๆ ซึ่งยาส่วนใหญ่ถูกขับออกทางไต ดังนั้นยาจึงละลายได้น้อยและอาจตกตะกอนที่ไตได้ ดังนั้นควรดื่มน้ำตามมากๆหลังรับประทานยาเพื่อป้องกันการตกตะกอนที่ไต
กลุ่มของยาปฏิชีวนะชนิดรับประทาน ที่ควรรู้จัก
กลุ่ม Penicillins
|
กลุ่ม Cephalosporins
|
|
กลุ่ม Fluoroquinolones
|
กลุ่ม Tetracyclines
|
|
กลุ่ม Macrolides
|
กลุ่มยา Sulfonamide
|
|
กลุ่มยา Aminoglycosides
|
กลุ่มยา Lincosamides
|
ปัญหาที่พบได้จากการใช้ยา
- หากลืมรับประทานควรทำอย่างไร
หากลืมรับประทานให้รับประทานทันทีที่นึกได้ หรือรับประทานมื้อถัดไป ไม่ควรรับประทานยาเพิ่มเป็น 2 เท่า หรือปรับขนาดยาด้วยตัวเอง
- การรับประทานยาเกินขนาด (Overdose) จะเกิดอะไรขึ้น
การได้รับยาเกินขนาดจะต้องได้รับยาในปริมาณมากๆ ถึงจะเกิดพิษ ซึ่งพิษที่เกิดขึ้น มีลักษณะอาการที่แตกต่างกัน เช่น ยาปฏิชีวนะกลุ่ม penicillins และ cephalosporins อาการพิษที่เกิดขึ้นคืออาการกระวนกระวาย สับสน ประสาทหลอน และเกิดอาการชักได้ สำหรับยากลุ่ม fluoquinolones มีการรายงานว่าทำให้เกิดไตวายได้ และยากลุ่ม aminoglycosides จะทำให้เกิดความพิษต่อระบบไต หู และระบบประสาทได้
สิ่งใดก็ตามล้วนมีพิษ แม้กระทั่งน้ำบริสุทธิ์ มันขึ้นอยู่กับว่าเรากินมากกินน้อย
-Paracelsus-
เอกสารอ้างอิง
- Chambers HF. Sande MA. Antimicrobial Agent. In:Hardman JG. Limbird LE, editors. Good man & Gilman’s the pharmacological basis of therapeutics. 9thed. Philadelphia:McGraw-Hhill;1996.p.1029-101
- Erwin K, Steven K, Rivard R, Teri H, Ranee M, Wendy L, et al. Drug fact and comparison. 53rd ed. St. Louis, USA; 1999. p.2181-400
- Leong WF, Judi C, Leean JA, Ghia T, Corazon SH, Zharmaine JN. Mims. 128thed.Thailand;2012.
- Anresco Labs [online]. 2013[cited 2014 Jun 29] Available from: http://www.drugs.com/pro/dicloxacillin.html