ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา vitamin K มีความจำเป็นต่อขบวนการสร้างโปรตีนของตับ ที่เกี่ยวข้องกับการแข็งตัวของเลือด ได้แก่ factor II (prothrom -bin), VII, IX และ X การให้ขนาดยาที่เพียงพอสามารถลดการไม่แข็งตัวของเลือดจาก warfarin ได้ โดยทำให้ factor ที่สร้างขึ้นใหม่เป็นปกติ หลังจากให้ vitamin K ทางหลอดเลือดดำจะออกฤทธิ์ต่อกระบวนการแข็งตัวต่อเลือดภายใน 6-8 ชั่วโมง ฤทธิ์สูงสุดจะเห็นได้ภายใน 1-2 วัน และอยู่นาน 1-2 สัปดาห์ การตอบสนองต่อการรักษาด้วย vitamin K ได้ผลไม่แน่นอน ขึ้นกับปริมาณยา warfarin ที่ผู้ป่วยได้รับเข้าไป และความสามารถของตับที่จะสังเคราะห์สารในขบวนการแข็งตัวของเลือด
ข้อบ่งใช้
ข้อห้ามใช้
-
มีประวัติแพ้ vitamin K
อาการไม่พึงประสงค์
-
Anaphylactoid reaction หลังจากฉีดเข้าทางเส้นเลือดดำ การฉีดเข้าเส้นเลือด จึงควรจำกัดอยู่เฉพาะในภาวะฉุกเฉินเท่านั้น และผู้ป่วยต้องอยู่ในความดูแลอย่างใกล้ชิด
-
การฉีดเข้ากล้ามในผู้ป่วยได้รับยา anticoagulant จะทำให้เกิด hematoma ขนาดใหญ่ได้และเจ็บปวดมาก หลีกเลี่ยงโดยการให้รับประทานหรือฉีดเข้าใต้ผิวหนัง
ปฏิกิริยาต่อยาอื่น
-
ไม่มี
ขนาดและวิธีใช้
-
ทางปากในกรณีที่รับประทาน anticoagulant เข้าไปไม่มาก ให้ vitamin K1 10-20 mg ในผู้ใหญ่ และ 5-10 mg ในเด็ก ให้ซ้ำทุก 12-24 ชั่วโมงตามความจำเป็น
-
ทางเส้นเลือดดำ ให้เฉพาะกรณีมีเลือดออกและเลือดไม่แข็งตัว ให้ 10-50 mg (5-20 mg ในเด็ก) ผสมในสารละลาย dextrose หรือสารละลาย sodium chloride ให้ช้าๆ ไม่เกิน 1 mg/min ขึ้นกับความรุนแรงของภาวะเลือดออก และให้ซ้ำทุก 4 ชั่วโมงตามความจำเป็น
รูปแบบของยา
-
ทางปาก phytonadione (Konakion) 5 mg tablet, สารละลาย 25% สำหรับหยดรับประทาน
-
Phytonadione (Konakion) 10 mg/ml 1 ml/amp ule หรือ 1 mg/0.5 ml ampule สารละลายสำหรับฉีด
-
-
ได้รับยาห้ามการแข็งตัวของเลือดประเภท warfarin เกิน ขนาด
-
ภาวะขาด vitamin K ซึ่งมีความผิดปกติของการแข็งตัว ของเลือด
-
ภาวะ prothrombin ต่ำ (hypoprothrombinemia) เนื่องจากภาวะเป็นพิษจาก salicylate
|