Ramathibodi Poison Center  

อันตรายจากก๊าซคลอรีน

 

Bulletin (January - March 1997 Vol.5 No.1)

  อันตรายจากก๊าซคลอรีน


          คลอรีน (Chlorine, Cl2)เป็นก๊าซอีกชนิดหนึ่งที่ถูกนำมาใช้กันอย่างกว้างขวาง ทั้งในโรงงานอุตสาหกรรมและในบ้านเรือนด้วย อุบัติภัยจากก๊าซคลอรีนในประเทศไทยเราก็เคยเกิดมาแล้วบ่อยครั้ง ดังนั้นจึงขอนำเสนอเรื่องที่น่าสนใจเกี่ยวกับก๊าซคลอรีน

คลอรีน ในภาวะปกติเป็นก๊าซที่กลิ่นฉุนและมีความจำเพาะ ซึ่งใครที่เคยได้กลิ่นแล้วจะสามารถจำกลิ่นของมันได้ดี ก๊าซคลอรีนเมื่อทำปฏิกริยากับน้ำจะให้กรดเกลือ (hydrochloric acid) และ กรดไฮโปคลอรัส (hypochlorous acid) ตามสมการ

Cl2 + H2O -----------> HCI + HOCI

กรดไฮโปคลอรัสจะแตกตัวต่อให้เป็นกรดเกลือและออกซิเจนอิสระ (oxygen free radical) ก๊าซคลอรีนจะมีฤทธิ์ระคายเคืองต่อเนื้อเยื่อต่างๆ ของร่างกาย โดยมีฤทธิ์ในการกัดกร่อนมากกว่ากรดเกลือ 10-30 เท่า ความรุนแรงของการกัดกร่อนขึ้นกับปริมาณของก๊าซ ระยะเวลาที่สัมผัส และ ปริมาณน้ำในอวัยวะที่สัมผัส

            ก๊าซคลอรีนมีฤทธิ์เป็นสาร oxidizing และฟอกสีได้ดี จึงมีการใช้ในอุตสาหกรรมผ้า กระดาษ หรือพลาสติก ขบวนการสังเคราะห์สารเคมีตัวอื่นเช่น carbon tetrachloride, trichloroethylene, trichloroethane, vinyl chlorides สารเคมีกำจัดแมลงและสารเคมีกำจัดวัชพืชบางชนิด

คลอรีนยังใช้เติมฆ่าเชื้อโรคในน้ำประปา สระว่ายน้ำ และบ่อบำบัดน้ำเสีย ในอดีตก๊าซคลอรีนเคยถูกใช้เป็นอาวุธเคมีชนิดก๊าซพิษในชื่อของ "Bertholite" ส่วนในบ้านเรือนอาจจะมีก๊าซคลอรีนเกิดขึ้นได้เมื่อท่อระบายน้ำตัน ทำให้มีการผสมกันระหว่างสารฟอกผ้าขาว หรือน้ำยาล้างห้องน้ำชนิดที่มี hypochlorite กับน้ำยาล้างห้องน้ำชนิดที่มีแอมโมเนีย ปฏิกริยาที่เกิดจะทำให้ได้กรดไฮโปคลอรัส

          เนื่องจากพิษจากคลอรีนเกิดจากการกัดกร่อนต่อเนื้อเยื่อ หรือเยื่อบุที่สัมผัสถูก อาการของผู้ป่วยจึงเป็นอาการที่เกิดจากการระคายเคืองของผิวหนัง เยื่อบุตา จมูก และทางเดินหายใจ ผู้ป่วยที่สัมผัสกาซคลอรีนจะมีอาการแสบตา จมูก ปากและผิวหนัง มีน้ำมูก น้ำตาไหล ปวดเวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน อาการที่เกิดจากมีการระคายเคืองต่อเยื่อบุทางเดินหายใจได้แก่ ไอ แน่นหน้าอก หายใจลำบาก ในรายที่รุนแรงอาจทำให้เกิดหลอดลมและปอดอักเสบ จนกระทั่งเป็นภาวะน้ำท่วมปอด (pulmonary edema) ได้ อาการเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นได้ทันทีหลังจากได้สูดดม หรือสัมผัสกับคลอรีน

การดูแลรักษา

            อวัยวะที่ต้องให้ความสนใจคือ ระบบทางเดินหายใจ ตา และผิวหนัง เมื่อมีการรั่วของก๊าซคลอรีน ต้องเคลื่อนย้ายผู้ป่วยออกจากบริเวณที่เกิดเหตุทันที โดยบริเวณที่เคลื่อนย้ายผู้ป่วยไปควรเป็นบริเวณที่อยู่ห่าง และสูงกว่าตำแหน่งที่มีก๊าซรั่วออกมา เนื่องจากก๊าซคลอรีนหนักกว่าอากาศธรรมดา หลังจากนั้นควรประเมินภาวะการหายใจของผู้ป่วยให้ออกซิเจนกับผู้ป่วยทุกราย หากรายใดมีอาการของการหายใจล้มเหลวควรได้รับการใส่ท่อเพื่อช่วยหายใจต่อไป (endotracheal tube) ถ้าตรวจพบมีเสียงวี้ด (wheez) ในปอดซึ่งบ่งถึงภาวะหลอดลมส่วนล่างตีบ ควรพิจารณาให้ยาขยายหลอดลม มีการแนะนำให้ยาสเตียรอยด์ร่วมด้วย เพื่อป้องกันการอักเสบของหลอดลมแต่ประสิทธิภาพของมันยังไม่แน่ชัด การให้ยาปฏิชีวนะแต่แรกอาจจะมีโทษมากกว่าประโยชน์ที่จะได้รับผู้ป่วยที่มีภาวะของน้ำท่วมปอด หรือการหายใจล้มเหลว ควรจะได้รับการใส่ endotracheal tube ใช้เครื่องช่วยหายใจร่วมกับ PEEP (Positive End Expiratory Pressure) แต่เนิ่นๆ

           สำหรับการดูแลรักษาที่ตาและผิวหนัง ควรได้รับการล้างด้วยน้ำปริมาณมากๆ เป็นเวลาไม่ต่ำกว่า 15 นาที จากนั้นควรได้รับการรักษาด้วยยาเฉพาะเหมือนกรณีของไฟไหม้ หรือการระคายเคืองจากสารเคมีอื่นๆ ต่อไป

เอกสารอ้างอิง

  1. Stair T. Chlorine. In: Haddad LM, Winchester JF (eds). Clinical Management of Poisoning and Drug Overdose. 2nd ed. Philadelphia: W.B. Saunders Company, 1990: 1233-4.
  2. POISINDEX: Computerized Clinical Information System. Chlorine. 1997, Vol. 91.