|
อาวุธพิษ หมายถึง อาวุธที่ประกอบด้วยสารซึ่งได้จากกระบวนการทางเคมี หรือชีววิทยาเช่น จุลินทรีย์, รา หรือสิ่งมีชีวิตอื่น มีคุณสมบัติที่ก่อให้เกิดการเสื่อมสมรรถภาพ หรือผลต่อชีวิตมนุษย์, สัตว์, พืช และยุทโธปกรณ์ หรือก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในสิ่งแวดล้อม
มนุษย์ได้มีการใช้สารพิษเป็นอาวุธมา ตั้งแต่สมัยโบราณ เช่น จีนใช้ควันกำมะถัน, อินเดียใช้สารรมให้สลบ แต่ก็ไม่ได้ผลมากนัก อังกฤษเป็นชาติแรกที่นำอาวุธพิษมาใช้ในการรบได้แก่ การใช้หมอกควันกำมะถัน ที่เมืองชีบาสโตโบล ในสงครามแหลมไครเมียเมื่อ พ.ศ. 2437 และเมื่อ พ.ศ. 2443-2445 ได้ใช้ picric acid บรรจุกระสุนปืนใหญ่ในการทำสงครามกับพวกมัวร์ เป็นต้น วันที่ 27 เดือนเมษายน พ.ศ. 2458 ถือได้ว่าเป็นวันประวัติศาสตร์ของการใช้สารพิษในการสงคราม เนื่องจากเยอรมันได้นำอาวุธพิษมาใช้ในสงครามขนาดใหญ่เป็นครั้งแรก โดยปล่อยแก๊สคลอรีนจำนวนหกพันท่อบรรจุ ไปยังแนวระวังของทหารฝ่ายพันธมิตร ซึ่งตั้งรับอยู่ที่เมืองเลเปอร์ ทหารฝ่ายพันธมิตรซึ่งไม่เคยเรียนรู้ และไม่มีระบบป้องกัน เสียชีวิตทันทีถึง 5,000 คน และในสงครามโลกครั้งที่ 1 ได้มีการใช้อาวุธพิษอย่างกว้างขวาง ประมาณว่ามีผู้เสียชีวิตจากอาวุธพิษถึง 100,000 คน และได้รับบาดเจ็บประมาณ 1,200,000 คน จากประสบการณ์นี้ทำให้นานาประเทศร่วมมือกันสร้างสนธิสัญญาต่างๆ ขึ้นมา เพื่อกำจัดและขัดขวางการสร้าง, การสะสม และการใช้อาวุธพิษ อย่างไรก็ตาม ในบางครั้งได้มีบางประเทศฝ่าฝืนข้อตกลงดังกล่าว แต่ก็เป็นสงครามขนาดเล็ก และพิธีสารเมืองเจนีวา พ.ศ. 2468 ไม่มีข้อห้ามการใช้อาวุธเพลิง และสารทำลายพืช นอกจากนี้สหรัฐอเมริกาและชาติอื่นๆ ไม่ถือว่าสารปราบจลาจลเป็นอาวุธที่ห้ามใช้ เพราะมิได้ทำอันตรายร้ายแรงต่อผู้ที่ได้รับและมีการใช้ในการปฏิบัติงานของตำรวจอยู่เป็นประจำ จากการพิสูจน์ทราบของผู้เชี่ยวชาญจากสหประชาชาติและชาติที่เป็นกลาง ได้พบหลักฐานที่บ่งชี้ว่า ได้มีการนำอาวุธพิษมาใช้กันอีกเช่น การบุกยึดครองอาฟริกานิสถานของโซเวียตในปี พ.ศ. 2522 และในสงครามระหว่างอิรัก-อิหร่าน ก็มีการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์อย่างชัดเจน สถานการณ์ที่เกิดขึ้นเหล่านี้ ทำให้ต้องตระหนักถึงภัยของอาวุธพิษเพื่อสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในกรณีการเกิดอุบัติภัยหมู่จากสารพิษ สารปราบจลาจล (Riot control agents) |
เอกสารอ้างอิง
|