ขั้นตอนการส่องกล้องกระเพาะอาหาร
แพทย์จะอธิบายถึงขั้นตอนต่าง ๆ อย่างละเอียด รวมถึงภาวะแทรกซ้อนหรือผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น ระหว่างนี้หากผู้ป่วยมีข้อสงสัยใด ๆ ก็สามารถซักถามได้
ก่อนรับการส่องกล้องผู้ที่สวมใส่แว่นตา คอนแทคเลนส์ หรือฟันปลอมจะต้องถอดออกทั้งหมด และไม่จำเป็นต้องถอดเสื้อผ้า แต่อาจให้สวมชุดคนไข้ทับเสื้อผ้าของตัวผู้ป่วยเองอีกที
จากนั้นแพทย์จึงเริ่มด้วยการฉีดสเปรย์ยาชาเฉพาะส่วนที่คอเพื่อให้เกิดความรู้สึกชา หรืออาจใช้ยาระงับความรู้สึกแบบฉีดแทน ซึ่งจะพิจารณาตามความเหมาะสม ส่วนเด็กที่ยังเล็กอาจต้องใช้ยาสลบ โดยยาระงับความรู้สึกที่ได้รับจะส่งผลให้มีอาการง่วงซึมและรู้สึกผ่อนคลายลงขณะทำการส่องกล้อง
หลังฉีดสเปรย์ยาชาเฉพาะแห่งหรือให้ยาระงับความรู้สึก แพทย์อาจใช้ฟันยางเพื่อเปิดปากและป้องกันไม่ให้ฟันผู้ป่วยกัดสายท่อ ต่อจากนั้นจึงให้ผู้ป่วยพลิกตัวนอนตะแคงซ้าย แล้วใส่กล้องเอนโดสโคปเข้าไปในลำคอพร้อมทั้งบอกให้พยายามกลืนกล้องให้ลงไปยังหลอดอาหาร ทั้งนี้ในช่วงแรก ๆ อาจรู้สึกไม่ค่อยดี มีอาการคลื่นไส้หรืออยากอาเจียน แต่ก็จะค่อย ๆ ทุเลาลงเมื่อท่อส่องกล้องเคลื่อนลงไปแล้ว โดยกระบวนการส่องกล้องนี้จะใช้เวลาประมาณ 15-20 นาที
สำหรับผลการตรวจนั้นขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของการส่องกล้อง เช่น การตรวจดูกระเพาะอาหารอาจทราบผลได้ทันทีหลังการตรวจ แต่หากเป็นการเก็บตัวอย่างชิ้นเนื้อเพื่อส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการอาจต้องรอผลตรวจเป็นเวลา 2-3 วัน
หลังจากการส่องกล้อง
หลังการส่องกล้องเรียบร้อยแล้วแพทย์จะพาผู้ป่วยไปยังห้องพักฟื้น และคอยเฝ้าดูอาการอยู่ประมาณ 30 นาที ผู้ป่วยอาจรู้สึกเจ็บในลำคอชั่วคราวซึ่งสามารถใช้ยาอมช่วยบรรเทาอาการ จากนั้นญาติจึงพาผู้ป่วยกลับบ้านได้และให้คอยเฝ้าดูอาการอย่างน้อย 24 ชั่วโมง เนื่องจากฤทธิ์ของยาระงับความรู้สึกที่ได้รับสามารถคงอยู่ถึง 24 ชั่วโมงและทำให้ง่วงซึม ในระหว่างนี้ผู้ป่วยจึงควรพักผ่อน ไม่ควรขับรถหรือทำงานใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้เครื่องจักร
นอกจากความรู้สึกง่วงซึม การส่องกล้องยังอาจทำให้มีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น อาการเจ็บคอที่คงอยู่นาน 1-2 วัน ปวดบีบที่ท้อง ท้องอืดหรือมีแก๊สในท้องที่จะค่อย ๆ ดีขึ้นเองเมื่อเวลาผ่านไป แต่หากมีสัญญาณแสดงถึงปัญหาร้ายแรง ได้แก่ เจ็บหน้าอกหรือปวดท้องอย่างรุนแรง อาจมีอาการแย่ลง อาเจียนอย่างต่อเนื่อง อาเจียนเป็นเลือด มีไข้สูง หรือหายใจหอบเหนื่อย ให้รีบไปพบแพทย์โดยด่วน