มะเร็งคอหอยและกล่องเสียง

มะเร็งคอหอยและกล่องเสียง
 

อ.พญ.นิลเนตร มหัทธนารักษ์
ภาควิชาโสต ศอ นาสิกวิทยา อนุสาขาโรคกล่องเสียงและการกลืน
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล

 

         มะเร็งคอหอยส่วนล่างและกล่องเสียง (Hypopharyngeal / laryngeal cancer) ถือว่าเป็นมะเร็งที่พบได้ไม่บ่อยเท่ามะเร็งทางศีรษะและลำคอชนิดอื่น จากการสำรวจโดยสมาคมโรคมะเร็งแห่งประเทศสหรัฐอเมริกา (American Cancer Society) พบอุบัติการณ์ของโรคในปี 2020 อยู่ที่ประมาณ 180,000 คนสำหรับมะเร็งกล่องเสียง และ 84,000 คนสำหรับมะเร็งคอหอยส่วนล่าง โดยในประเทศไทยพบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง และมีอุบัติการณ์โรคอยู่ประมาณ 2.5 และ 0.3 คนต่อประชากร 100,000 คนในเพศชายและเพศหญิงตามลำดับ

 

ความสำคัญของคอหอยและกล่องเสียง

 

         ช่องคอหอย แบ่งออกเป็น 3 ส่วนเป็นหลักคือ คอหอยส่วนบนหลังโพรงจมูก คอหอยส่วนกลางหลังช่องปาก และคอหอยส่วนล่างเหนือบริเวณกล่องเสียง คอหอยเป็นทางผ่านของอากาศในขณะหายใจที่ผ่านจากช่องจมูกหรือปากเพื่อเข้าหลอดลม และเป็นทางผ่านของอาหารจากช่องปากเพื่อเข้าหลอดอาหาร รูปร่างและขนาดของช่องคอหอยยังมีผลต่อความก้องกังวานของเสียงที่เปล่งออกจากกล่องเสียงด้วย

         กล่องเสียง ทำหน้าที่ช่วยในการหายใจ การออกเสียง การไอ การเบ่ง และป้องกันอาหารตกเข้าไปในหลอดลมขณะกลืน ผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งคอหอยและกล่องเสียง จึงอาจมีอาการทั้งทางด้านระบบการหายใจ การพูด และการกลืน อย่างใดอย่างหนึ่ง หรือร่วมกันได้

 

ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดมะเร็งคอหอยและกล่องเสียง

         ในปัจจุบัน ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่นอนของการเกิดมะเร็งคอหอยและกล่องเสียง แต่พบว่ามีปัจจัยบางอย่างที่ถือเป็นความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งคอหอยและกล่องเสียง เช่น การสูบบุหรี่ การดื่มสุรา การติดเชื้อไวรัส Human papilloma virus (HPV) ประวัติการได้รับการฉายรังสีบริเวณลำคอ เป็นต้น ประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคมะเร็งทางศีรษะและลำคอพบว่ามีความสัมพันธ์ต่ออุบัติการณ์โรคที่เพิ่มสูงขึ้นด้วย
 

อาการของมะเร็งคอหอยและกล่องเสียง

         ผู้ป่วยโรคมะเร็งคอหอยและกล่องเสียง มาพบแพทย์ด้วยอาการหลากหลาย ตั้งแต่ไม่มีอาการผิดปกติเลย และพบความผิดปกติจากการส่องกล้องด้วยข้อบ่งชี้อื่น ไปจนถึงหายใจลำบาก ระบบการหายใจล้มเหลวจากทางเดินหายใจอุดกั้นฉับพลันได้ ทั้งนี้ขึ้นกับระยะของโรคที่เป็นและตำแหน่งที่เกิดความผิดปกติมากที่สุด

         ผู้ป่วยโรคมะเร็งคอหอย มักมาด้วยปัญหาทางด้านการกลืน ผู้ป่วยอาจมีอาการกลืนติด กลืนเจ็บ กลืนลำบาก รู้สึกเหมือนมีก้อนในลำคอ หรือมีการสำลักอาหารได้ โดยเมื่อระยะของโรคเป็นมากขึ้น ผู้ป่วยจะมีปัญหาการกลืนทั้งอาหารแข็ง (Solid food) และของเหลว (Liquid food)

         ผู้ป่วยโรคมะเร็งกล่องเสียง จะมีอาการเสียงแหบ เสียงเปลี่ยน ผู้ป่วยอาจมีอาการไอเรื้อรัง หรือมีความรู้สึกระคายเคืองเหมือนมีเสมหะในลำคอ ไอเสมหะปนเลือด หากระยะของโรคเป็นมากขึ้น ทำให้ทางเดินหายใจแคบลง ผู้ป่วยจะมีอาการเหนื่อยมากขึ้นจากการหายใจลำบาก และอาจรุนแรงถึงหายใจไม่ออกจากทางเดินหายใจอุดกั้นฉับพลัน ก่อให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้

         ในระยะของโรคที่แพร่กระจาย ผู้ป่วยจะมีอาการตามอวัยวะที่มะเร็งแพร่กระจายไปนั้น ๆ เช่น มีก้อนที่คอจากมะเร็งแพร่กระจายไปต่อมน้ำเหลือง ปวดกระดูกจากมะเร็งแพร่กระจายไปกระดูก เป็นต้น รวมถึงอาการอื่นที่พบได้เช่นเดียวกับมะเร็งชนิดอื่น เช่น อาการเบื่ออาหาร น้ำหนักลดอย่างมีนัยสำคัญ เป็นต้น

 

การวินิจฉัย

         การวินิจฉัยมะเร็งคอหอยและกล่องเสียง นอกจากประวัติและการตรวจร่างกายโดยทั่วไปแล้ว ยังมีการตรวจเพิ่มเติมจำเพาะต่าง ๆ ดังนี้
1. การส่องกล้อง – การส่องกล้องสายอ่อนเข้าทางจมูก เพื่อประเมินช่องคอและกล่องเสียง อาจรวมไปถึงส่องกล้องหลอดลม และหลอดอาหารด้วยก็ได้
2. การถ่ายภาพรังสีเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT, MRI) บริเวณศีรษะและลำคอ เพื่อดูขนาดของก้อน
3. การตัดชิ้นเนื้อ – ผลชิ้นเนื้อจากพยาธิสภาพที่พบ อาจได้มาจากการตัดชิ้นเนื้อจากการส่องกล้องสายอ่อนภายใต้การใช้ยาชาเฉพาะที่ หรือจากการส่องกล้องชนิดแข็งในห้องผ่าตัดภายใต้การดมยาสลบก็ได้ ทั้งนี้ขึ้นกับลักษณะและตำแหน่งของพยาธิสภาพที่ตรวจพบ
4. การตรวจเพิ่มเติมอื่น ๆ เพื่อวินิจฉัยระยะของโรค เป็นการตรวจภายหลังผลชิ้นเนื้อยืนยันโรคมะเร็งแล้ว เช่น เอกซเรย์ปอด อัลตราซาวด์ช่องท้องส่วนบน การสแกนกระดูก เป็นต้น

 

 

 

การรักษา

         การรักษามะเร็งคอหอยและกล่องเสียง อาศัยทีมแพทย์และบุคลากรผู้เชี่ยวชาญหลายแผนกเช่นเดียวกับมะเร็งชนิดอื่น ๆ การรักษาขึ้นอยู่กับระยะของโรคมะเร็งที่ตรวจพบ หากเป็นระยะแรกเริ่ม การรักษาจะเป็นการผ่าตัด หรือการฉายแสงวิธีใดวิธีหนึ่ง โดยการผ่าตัดเองก็มีหลายรูปแบบ เช่น การผ่าตัดแบบส่องกล้อง การผ่าตัดด้วยหุ่นยนต์ผ่าตัด และการผ่าตัดเปิดแบบโดยมีแผลผ่าตัดบริเวณคอ เป็นต้น การเลือกวิธีผ่าตัดนั้น ขึ้นกับลักษณะและตำแหน่งของพยาธิสภาพที่ตรวจพบ และความพร้อมของทีมแพทย์และอุปกรณ์เครื่องมือ หากก้อนมะเร็งมีขนาดใหญ่และเป็นระยะลุกลาม การรักษาหลายแขนงจะเป็นการรักษาหลัก โดยทั่วไปจะเป็นการผ่าตัดร่วมกับการให้ยาเคมีบำบัด และ/หรือการฉายแสงร่วมด้วยหลังการผ่าตัด หรือการให้ยาเคมีบำบัดและฉายแสงเป็นหลัก ความเหมาะสมและข้อดีข้อเสียของแต่ละวิธีการรักษานั้นมีรายละเอียดที่ผู้ป่วยและญาติควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์เฉพาะทางด้านนั้น ๆ เช่น โสตศอนาสิกแพทย์ อายุรแพทย์สาขามะเร็ง แพทย์รังสีรักษา จำเพาะเป็นรายบุคคลต่อไป
 

         นอกจากกระบวนการรักษาที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว การเตรียมความพร้อมก่อนการรักษาและการฟื้นฟูหลังการรักษาก็มีความสำคัญต่อการเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยด้วย ผู้ป่วยอาจได้รับนัดหมายให้พบทันตแพทย์เพื่อเตรียมช่องปากให้พร้อมก่อนการฉายแสง อายุรแพทย์ทางเดินอาหารหรือศัลยแพทย์เพื่อการเตรียมสายให้อาหารทางหน้าท้อง ได้รับการประเมินและฟื้นฟูภาวะโภชนาการ การฝึกพูดจากนักแก้ไขการพูด และฝึกกลืนจากแพทย์หรือนักกายภาพบำบัด เป็นต้น