
ระบบ PACS (Picture Archiving and Communication System)
ปัจจุบันเทคโนโลยีทางการแพทย์มีความเจริญก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น หลายสิ่งหลายอย่าง สามารถนำมาพัฒนา และสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้แก่แพทย์และผู้ป่วยได้มากขึ้น ศูนย์รังสีวินิจฉัยในศูนย์การแพทย์สมเด็จพระเทพรัตน์ ได้นำระบบที่ใช้งานด้านการเก็บรูปภาพทางการแพทย์ หรือภาพถ่ายทางรังสี โดยมีการรับ-ส่งข้อมูลภาพในรูปแบบดิจิตอล หรือที่เรียกว่า ระบบ PACS (Picture Archiving and Communication System) มาใช้ในการจัดการรับส่งข้อมูลผ่านทางระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ โดยการส่งภาพข้อมูลตามมาตรฐาน DICOM ซึ่งนับว่าเป็นการพัฒนาระบบโดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพมาก
PACS คืออะไร
PACS ย่อมาจากคำว่า (Picture Archiving and Communication System) คือระบบที่ใช้ในการจัดเก็บรูปภาพทางการแพทย์ (Medical Images) หรือภาพถ่ายทางรังสี โดยมีการรับส่งข้อมูลภาพในรูปแบบดิจิตอล PACS ใช้การจัดการรับส่งข้อมูล ผ่านทางระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ โดยการส่งภาพข้อมูลตามมาตรฐาน DICOM
ทำไมถึงต้องใช้ PACS
ในปัจจุบันเราจะเห็นได้ว่า เทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามามีบทบาทในทางการแพทย์เป็นอย่างมาก ระบบ PACS ก็เป็นระบบเทคโนโลยีสารสนเทศทางการแพทย์อย่างหนึ่งที่พัฒนามาเพื่อใช้กับแผนกรังสีโดยตรง เนื่องจากภาพถ่ายทางรังสีมีความจำเป็นในการช่วยวิเคราะห์โรค และรักษาผู้ป่วย ระบบ PACS จะช่วยให้แพทย์ได้รับภาพถ่ายทางรังสีและผลวิเคราะห์จากรังสีแพทย์อย่างรวดเร็ว ทำให้แพทย์วินิจฉัยโรคและให้การรักษาผู้ป่วยได้เร็วยิ่งขึ้น โดยเฉพาะผู้ป่วยหนัก นอกจากนี้ ปัญหาการจัดเก็บและค้นหาฟิล์มเอกซเรย์ ก็ทำให้เกิดความล่าช้าของการรายงานผลเอกซเรย์ได้ บางครั้งเราอาจจะพบว่ามีการสูญหายของฟิล์มเอกซเรย์ ซึ่งมีความจำเป็นในการใช้เปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลงของโรค ระบบ PACS มีการจัดเก็บข้อมูลไว้ในคอมพิวเตอร์ซึ่งมีระบบเก็บข้อมูลสำรอง จึงช่วยแก้ปัญหานี้ได้
เราจะได้อะไรจาก PACS
ข้อดีของระบบ PACS มีหลายด้านดังนี้
๑. ผลดีต่อกระบวนการรักษาพยาบาล
๒. ประหยัดทรัพยากรและรักษาสิ่งแวดล้อม
ระบบ PACS จัดเก็บภาพเอกซเรย์อย่างไร
สำหรับระบบ PACS ของศูนย์รังสีวินิจฉัยในศูนย์การแพทย์สมเด็จพระเทพรัตน์ สามารถทำการรับสัญญาณการเชื่อมต่อภาพที่เกิดจากเครื่องมือต่างๆ โดยผ่านมาตรฐานภาพ DICOM ดังนี้
๑. Digital radiography เป็นเทคโนโลยีการถ่ายเอกซเรย์ทั่วไป โดยใช้อุปกรณ์แปลงสัญญาณเอกซเรย์ (Flat panel detector) เป็นภาพดิจิตอล ซึ่งภาพจากเครื่องดังกล่าวสารมารถส่งเข้าระบบการจัดเก็บ, รับ-ส่ง ข้อมูลภาพทางการแพทย์ (PACS) เพื่อการแปลผลและส่งให้แพทย์ผู้ตรวจได้พร้อมกัน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจรักษาของแพทย์ให้รวดเร็วขึ้น
๒. Computed Tomography (CT) เป็นเครื่องตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์
๓. Digital Subtraction Imaging (DSI) เป็นเครื่องส่องตรวจทางรังสีชนิดภาพดิจิตอล ใช้ร่วมกับสารทึบรังสี เช่นการตรวจกระเพาะอาหารและลำไส้ เป็นต้น
๔. UItrasound and color Doppler UItrasound (US) เป็นเครื่องตรวจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูงระบบใหม่ สามารถตรวจพยาธิสภาพของหลอดเลือดได้
๕. Magnetic Resonance Imaging (MRI) เป็นเครื่องตรวจวินิจฉัยด้วยสนามแม่เหล็กไฟฟ้า
ถ้าเราต้องการฟิล์มเอกซเรย์จะทำอย่างไร
บางครั้งเราจะพบว่า มีผู้ป่วยต้องการฟิล์มเอกซเรย์ไปใช้ในการรักษาต่อยังสถานพยาบาลอื่น ซึ่งต้องใช้ฟิล์มในการรักษาต่อเนื่อง ในระบบ PACS สามารถที่จะทำการพิมพ์ภาพถ่ายทางรังสีออกมาได้ โดยใช้เครื่อง Dry Thermal Imager ซึ่งต่อเชื่อมโยงกับระบบ PACS ที่ใช้สำหรับพิมพ์ภาพถ่ายทางเอกซเรย์พิเศษได้ นอกจากนี้ผู้ป่วยยังสามารถขอรับภาพถ่ายทางรังสีในรูปแบบของแผ่น CD แทนแผ่นฟิล์มเพื่อนำไปทำการรักษาต่อเนื่องได้โดยไม่ต้องถือฟิล์มจำนวนมากอีกต่อไป (ในกรณีที่สถานพยาบาลที่จะใช้ข้อมูลภาพเหล่านี้มีระบบคอมพิวเตอร์ที่รองรับได้)
PACS ระบบที่ดีที่สุดของเอกซเรย์
ภายในอนาคตอันใกล้นี้ แผนกเอกซเรย์ในโรงพยาบาลหลายๆ แห่ง จะมีการติดตั้งระบบ PACS กันมากขึ้น ซึ่งนั่นก็หมายความว่าผู้เข้ามาใช้บริการของโรงพยาบาล จะได้รับความสะดวกรวดเร็วในการตรวจบริการของแผนกเอกซเรย์ รวมไปถึงได้รับการวินิจฉัย และการรักษาพยาบาลจากแพทย์โดยรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้นอีกด้วย รวมทั้งสามารถที่จะทำการปรึกษาผลวินิจฉัยภาพได้ระหว่างโรงพยาบาลที่มีการติดตั้งระบบ PACS ได้เช่นกัน