"ขอขอบคุณจากใจจริง #ตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ"

"ขอขอบคุณจากใจจริง #ตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ"

 

ค่ำคืนหนึ่งต้นเดือนธันวาคม ลมหนาวเริ่มพัดมา หลายคนกำลังหลับในนิทราอย่างมีความสุข

01:30 

ผมสะดุ้งตื่นขึ้นกลางค่ำคืนนั้น เนื่องจากโทรศัพท์มือถือข้างศีรษะส่งเสียงที่ทุกคนไม่อยากได้ยินกลางดึก 

"อาจารย์คะ มีผู้บริจาคหัวใจ ที่ รพ.xxx(แอดมินขออนุญาตไม่เอ่ยชื่อโรงพยาบาลนะคะ) ไม่ทราบว่าอาจารย์ได้เห็นข้อมูลในไลน์หรือยังคะ น่าจะใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง" เสียงของพยาบาลผู้ประสานงานโครงการปลูกถ่ายอวัยวะดังขึ้นข้างหู หลังจากตั้งสติได้และอ่านข้อมูลผู้บริจาคที่ส่งมา สิ่งที่เกิดขึ้นในความคิดแรกเลยคือผมไม่อยากรับหัวใจรายนี้เลย เนื่องจากบ่ายวันนั้นเองผมเพิ่งจะผ่านการตรวจคนไข้ที่แผนกผู้ป่วยนอกอันแสนเหน็ดเหนื่อยและยาวนาน เมื่อเวลาผ่านไปสักพัก สติสัมปชัญญะของผมเริ่มกลับมาครบถ้วน ผมจึงยกหูโทรศัพท์ 

"เราออกไปได้เร็วที่สุดกี่โมง" 

"พยาบาลห้องผ่าตัดขอเตรียมตัวประมาณ 1 ชั่วโมงค่ะ คงออกได้ประมาณตี 3" 

"งั้นฝากบอกทีมทุกคนด้วยว่าเราจะออกเดินทางตี 3 ถึงน่าจะประมาณตี 4 เห็นหัวใจประมาณตี 5 ถ้าหัวใจทำงานได้ดีค่อยเอาคนไข้ผู้รับบริจาคเข้าห้องผ่าตัด และช่วยติดต่อคนไข้ให้รีบมานอนโรงพยาบาลด้วยครับ"

03:00 

รถตู้ของโรงพยาบาลเริ่มเคลื่อนออกจากโรงพยาบาล ผ่านไปชั่วโมงนิดๆ จึงถึงโรงพยาบาลปลายทาง

"มาผ่าตัดรับหัวใจครับ" เสียงพนักงานขับรถพูดกับพนักงานรักษาความปลอดภัยของโรงพยาบาล 

"ประตู 4 ทางด้านนู้น" พี่ยามบอกทางไปอย่างมั่นใจ

หลังจากขับรถวนไปตามประตู 1-2-3 สุดท้ายเราจึงวนกลับมาที่พี่ยาม และนั่นก็คือประตู 4 .......

05:00

ห้องผ่าตัดและทีมดมยาพร้อมที่จะเริ่มการผ่าตัดผู้บริจาคอวัยวะ ผมยกมือพนมขึ้นที่หน้าอกและกล่าวในใจอย่างที่ทำทุกครั้ง 

"ขอบคุณสำหรับการทำบุญที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เพื่อที่จะได้ต่อชีวิตของผู้อื่นต่อไปนะครับ" 

"ลงมีด เปิดหน้าอก" 

เวลาผ่านไปไม่นาน "หัวใจของผู้บริจาคทำงานได้ดี ส่งข่าวให้ทีมผ่าตัดผู้รับบริจาคด้วยว่า เอาคนไข้เข้าห้องผ่าตัดได้" ผมพูดกับน้องพยาบาลร่วมทีม

06:00 

หลังจากทีมผ่าตัดในช่่องท้องพร้อมแล้ว ทีมผ่าตัดในช่องอกและช่องท้องเริ่มทำการให้น้ำยารักษาสภาพของอวัยวะพร้อมกัน

"อาจารย์ไม่ไปหาอะไรกินที่ตลาดร่มหุบก่อนกลับเหรอคะ" พี่พยาบาลดมยาที่หัวเตียงถามผม

"เอ ตลาดร่มหุบมันอยู่ที่แม่กลอง สมุทรสงคราม ไม่ใช่หรือครับ" ผมถามกลับ

"ที่นี่สมุทรสงครามค่ะ" 

ผมอึ้งไปเล็กน้อยและเสียดายที่ไม่ได้ไปทักทายคุณลุงคุณป้าของผมที่เคยทำงานที่โรงพยาบาลนี้และบ้านของท่านก็อยู่ใกล้ๆนี้เอง ผมนึกว่าที่นี่คือสมุทรสาคร ความกังวลเล็กๆเริ่มก่อตัวขึ้นในใจ

06:30

"ผมขออนุญาตรบกวนทีมของอาจารย์ช่วยปิดหน้าอกให้คนไข้ด้วยนะครับ"

"ได้เลยครับ" ทีมผ่าตัดในช่่องท้องตอบกลับ

"เรามีเวลาไม่ถึง 3 ชั่วโมงเพื่อนำหัวใจกลับไปให้ผู้รับบริจาค ตอนนี้เช้าแล้ว รบกวนโทรหาทีมพยาบาลผู้ประสานงานโครงการปลูกถ่ายอวัยวะช่วยติดต่อสภากาชาดเพื่อขอตำรวจช่วยนำทางให้ด้วย ไม่รู้ว่าจะทำได้หรือเปล่า" ผมให้น้องพยาบาลในทีมช่วยประสานงาน

"บอกทีมทางโน้นด้วยว่าเรากำลังจะออกเดินทาง ทางรามาฯ น่าจะเริ่มผ่าตัดผู้รับบริจาคแล้ว เมื่อเราไปถึงจะได้ไม่เสียเวลามาก" ผมกล่าวย้ำพร้อมกับความกังวลที่มากขึ้น

07:30

ณ ด่านดาวคะนอง ก่อนขึ้นทางด่วนไปทางสะพานพระราม 9 บรรดารถทั้งเก่าใหม่ใหญ่เล็กเต็มไปทั่วทั้งท้องถนน ผมสิ้นหวังเนื่องจากผ่านมา 1 ชั่วโมงแล้ว ถ้าหัวใจดวงนี้ไปไม่ทันเวลา ก็คงจะใช้เพื่อทำการผ่าตัดปลูกถ่ายให้ผู้รับบริจาคไม่ได้ และรถตู้ที่พาพวกเรากลับไปก็ไม่ขยับมานานแล้ว

"รถคันนี้จะไป รพ.รามาธิบดี ใช่ไหมครับ" เสียงของคุณตำรวจดังเข้ามาพร้อมกับเสียงเคาะกระจก

"ใช่ครับ" พนักงานขับรถรีบตอบ

เสียงไซเร็นดังขึ้นท้ายบิ๊กไบค์ของพี่ตำรวจทั้งสองคัน บิ๊กไบค์ขับไประหว่างเลนขวาสุดและเลนซ้ายมือ พี่ตำรวจขับบิ๊กไบค์ด้วยมือเดียวและใช้อีกมือนึงโบกรถให้หลบ รถตู้ของผมขับแทรกตามหลังพี่ตำรวจไปด้วยความเร็ว

"ปัง" เสียงรถชนดังขึ้นประมาณ 3 ครั้ง คาดว่ากระจกรถตู้คงไปกระแทกกับกระจกรถด้านข้าง อย่างไรก็ตามรถตู้ยังคงขับตามบิ๊กไบค์ต่อด้วยความยากลำบาก ผมหันไปมองรถทางด้านหลัง พบว่ามีรถเปิดไฟกระพริบขับแทรกเลนตามหลังมาจำนวนหนึ่ง "ที่ขับตามมานี่รถตำรวจใช่ไหม" ผมถามทีม ไม่มีคำตอบที่เหมาะสม...........

หลังจากขับผ่ามาถึงทางขึ้นสะพานพระราม 9 ซึ่งสูงชัน และแน่นอน เต็มไปด้วยรถทุกทิศทุกทางจนไม่มีที่ให้แทรกผ่านได้ ความสิ้นหวังเริ่มเข้ามาในใจผม

"หวอ หวอ" เสียงไซเรนของบิ๊กไบค์ดังเพิ่มขึ้นพร้อมกับจำนวนตำรวจที่ขับบิ๊กไบค์ที่เข้ามาช่วยกันมากขึ้นเรื่อยๆตามระยะทางที่ผ่านไป   

 

ด้านหลังของพี่ตำรวจติดเสื้อกั๊กซึ่งเขียนว่า    "โครงการพระราชดำริ" น้ำตาของผมไหลซึมมาเล็กน้อย 

ด้วยความชำนาญร่วมกับจำนวนบิ๊กไบค์ของตำรวจที่เพิ่มขึ้น เราใช้เวลาไม่ถึง 15 นาที จนสามารถลงที่อุรุพงษ์และเข้าสู่โรงพยาบาลรามาธิบดีได้

8:00

ผมเดินลงจากรถตู้พร้อมขอบคุณพี่ๆตำรวจที่มาจอดรถและช่วยยกอุปกรณ์ผ่าตัดลงจากรถ ผมเชื่อว่าคำขอบคุณของผมคงไม่พอกับน้ำใจของพวกพี่ๆทุกคน ผมต้องรีบไปผ่าตัดปลูกถ่ายหัวใจต่อให้เสร็จ จึงฝากทีมพยาบาลผู้ประสานงานโครงการปลูกถ่ายอวัยวะรับหน้าไปก่อน

11:00

การผ่าตัดเสร็จสมบูรณ์ ทั้งผู้รับบริจาคและหัวใจดวงใหม่ปลอดภัยดี

แม้ผมจะเป็นหัวหน้าทีมและส่วนหนึ่งของความสำเร็จในครั้งนี้ แต่ที่จริงแล้วทุกคนๆมีส่วนช่วยกันในความสำเร็จในการช่วยเหลือต่อชีวิตให้คนไข้ ทุกๆคนในทีม แม้แต่ทุกๆคนบนท้องถนนยามเช้าอันโหดร้ายของกรุงเทพมหานคร ที่ช่วยกันให้ทางเพื่อให้หัวใจดวงนี้ไปสู่ที่หมายได้เร็วที่สุด 

 

พระเอกในงานนี้ตัวจริงผมขอยกให้พี่ๆตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริครับ

ขอขอบคุณจากใจจริง

#การให้ไม่สิ้นสุด

#รามาธิบดี

#ตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ

 

อ.นพ.ณรงค์ฤทธิ์   ขันธทัต

ศัลยแพทย์ผ่าตัดปลูกถ่ายอวัยวะในช่องอก