การบริการต่างๆ ในโครงการดูแลการได้ยินครบวงจร
1. บริการตรวจการได้ยิน
- ซักประวัติ
- ให้คำแนะนำในการตรวจการได้ยิน
- ตรวจหาระดับการได้ยินของผู้ป่วยโดยให้ผู้ป่วยตอบสนองต่อเสียงที่ได้ยิน
- แจ้งผลตรวจการได้ยิน
2. บริการเครื่องช่วยฟัง
การสูญเสียการได้ยินจะส่งผลกระทบต่อความสามารถในการสื่อสารของผู้ป่วยเนื่องจากจะมีผลต่อระดับการได้ยินและความสามารถในการฟังจับใจความที่ลดลง ดังนี้
- หูตึงน้อย ผู้ป่วยมีความยากลำบากในการฟังเสียงกระซิบหรือคำพูดที่อยู่ในระยะไกล
- หูตึงปานกลาง ผู้ป่วยสามารถฟังเข้าใจการสนทนาในระยะไม่เกิน 3-5 ฟุต
- หูตึงมาก ผู้ป่วยมีความยากลำบากในการเข้าใจระดับเสียงสนทนาปกติ ผู้พูดต้องใช้เสียงดังมากในการสื่อสาร และมีความยากลำบากในการเข้าใจการสนทนาแบบกลุ่ม
- หูตึงรุนแรง ผู้ป่วยสามารถได้ยินเสียงในระยะไม่เกิน 1 ฟุต มีความสามารถในการแยกเสียงสระมากกว่าเสียงพยัญชนะ ควรใช้เครื่องช่วยฟังที่มีกำลังขยายสูงร่วมกับการอ่านปากผู้พูดเพื่อให้เข้าใจสารที่ผู้พูดต้องการสื่อ
- หูหนวก ผู้ป่วยสามารถได้ยินเสียงที่ดังมากๆ เช่น เสียงแตรรถยนต์ ปะทัด ควรใช้เครื่องช่วยฟังที่มีกำลังขยายสูงร่วมกับการอ่านปากผู้พูดเพื่อให้เข้าใจสารที่ผู้พูดต้องการสื่อ
เครื่องช่วยฟัง
เครื่องช่วยฟังเป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขนาดเล็กทำหน้าที่ขยายเสียงต่างๆให้เหมาะสมกับระดับการได้ยินของผู้ป่วยแต่ละราย โดยเครื่องช่วยฟังจะขยายเสียงทุกเสียงทั้งเสียงคำพูดและเสียงต่างๆในสิ่งแวดล้อม ไม่สามารถเลือกขยายเสียงเฉพาะเสียงคำพูดโดยไม่มีเสียงรบกวนได้
ข้อจำกัดของเครื่องช่วยฟัง คือ คุณภาพเสียงมักไม่เป็นธรรมชาติคล้ายเสียงที่ผ่านลำโพง ความชัดเจนของเสียงจะขึ้นอยู่กับประสาทการได้ยินที่คงเหลืออยู่ของผู้ป่วยแต่ละราย และการใส่เครื่องช่วยฟังไม่มีผลต่อการรักษาโรคหูหรือทำให้การสูญเสียการได้ยินของผู้ป่วยหายไป เครื่องช่วยฟังแบ่งเป็น 3 รูปแบบ ดังนี้
รูปแบบเครื่องช่วยฟัง | ข้อดี | ข้อเสีย |
---|---|---|
เครื่องช่วยฟังแบบกล่อง![]() |
1. มีกำลังขยายสูง 2. ตัวเครื่องและปุ่มควบคุมต่างๆมีขนาดใหญ่ หยิบจับง่าย 3. ถ่านเครื่องช่วยฟังแบบกล่องสามารถหาซื้อได้ตามร้านสะดวกซื้อทั่วไป |
1. ต้องใช้ควบคุมกับสายหูฟังทำให้มีผลต่อการเคลื่อนไหวศีรษะ 2. เสียงไม่เป็นธรรมชาติ 3. มีเสียงรบกวนจากสายหูฟังที่เสียดสีกับเสื้อ 4. ตัวเครื่องมีขนาดใหญ่ เกะกะ |
เครื่องช่วยฟังแบบทัดหลังหู![]() |
1. มีกำลังขยายที่หลากหลายเหมาะกับทุกะดับการได้ยิน 2. ตัวเครื่องและปุ่มควบคุมต่างๆ มีขนาดกะทัดรัด หยิบจับง่าย 3. คุณภาพเสียงมีความเป็นธรรมชาติมากกว่าเครื่องช่วยฟังแบบกล่อง |
1. ถ่านเครื่องช่วยฟังแบบทัดหลังหูต้องใช้ถ่านเฉพาะ ไม่สามารถใช้ถ่านนาฬิกาแทนได้ |
เครื่องช่วยฟังแบบในช่องหู |
1. คุณภาพเสียงมีความเป็นธรรมชาติมากที่สุด 2. มีขนาดเล็กเมื่อใส่แล้วมองเห็นได้ยาก |
1. ถ่านเครื่องช่วยฟังแบบทัดหลังหูต้องใช้ถ่านเฉพาะ ไม่สามารถใช้ถ่านนาฬิกาแทนได้ 2. กำลังขยายมีจำกัดตามขนาดของตัวเครื่อง 3. ตัวเครื่องและปุ่มควบคุมต่างๆ มีขนาดเล็ก หยิบจับยาก |
การใช้งานเครื่องช่วยฟัง
การใส่เครื่องช่วยฟังในชีวิตประจำวัน ผู้ใช้งานมักใส่ขณะทำกิจกรรมต่างๆ เช่น รับประทานอาหาร ติดต่อสื่อสารกับผู้อื่น ใช้งานโทรทัศน์วิทยุแต่ไม่ใช้งานเครื่องช่วยฟังเมื่อนอนหลับ อาบน้ำหรือขณะฝนตก ผู้ใช้งานเครื่องช่วยฟังต้องหมั่นดูแลรักษาทำความสะอาดเครื่องช่วยฟังหลังการใช้งานทุกครั้งเพื่อเป็นการยืดอายุการใช้งานและเพื่อรักษาความสะอาด
กระบวนการใส่เครื่องช่วยฟัง
- ประเมินเครื่องช่วยฟัง
1. นักแก้ไขการได้ยินอธิบายลักษณะการสูญเสียการได้ยินและผลกระทบต่อการสื่อสารของผู้ป่วย
2. อธิบายสิทธิการรักษาของผู้ป่วย
3. ผู้ป่วยตัดสินใจเลือกเครื่องช่วยฟังที่เหมาะสมโดยนักแก้ไขการได้ยินให้ข้อมูลต่างๆเพื่อประกอบการตัดสินใจ
4. ทำการประเมินเครื่องช่วยฟัง
5. ทำแบบสอบถามก่อนการใส่เครื่องช่วยฟัง
6. นัดผู้ป่วยรับเครื่องช่วยฟังภายหลังรับการประเมิน 1-2 อาทิตย์ - ใส่เครื่องช่วยฟัง
1. อธิบายการใช้งาน การทำความสะอาด การเก็บรักษา การรับประกัน ปัญหาและการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นของเครื่องช่วยฟัง การปรับตัวในการใช้เครื่องช่วยฟัง
2. นัดติดตามผลการใส่เครื่องช่วยฟังตามระยะเวลาที่เหมาะสม - ติดตามผลการใส่เครื่องช่วยฟัง
1. ประเมินระดับการได้ยินหลังใส่เครื่องช่วยฟังและความสามารถในการใช้งานเครื่องช่วยฟังของผู้ป่วย
2. สอบถามปัญหาของการใช้งานพร้อมให้คำแนะนำและแก้ไข
3. ทำแบบสอบถามหลังการใส่เครื่องช่วยฟัง
4. นัดติดตามผลการใส่เครื่องช่วยฟังก่อนหมดประกันเพื่อส่งทำความสะอาด ตรวจสอบว่าเครื่องช่วยฟังมีปัญหาหรือไม่และตรวจการได้ยินประจำปี