ฉายรังสีแล้วเพลีย เรื่องจริงหรือเป็นสิ่งที่คนไข้คิดขึ้นเอง
ถ้าจะให้ตอบแบบสั้นๆ “เป็นเรื่องจริง” อาการนี้เป็นอาการที่พบได้บ่อยที่สุดชนิดหนึ่งในผู้ป่วยที่รับการรักษามะเร็งด้วยการฉายรังสี โดยเราจะเรียกอาการนี้ว่า อาการเพลียจากการฉายรังสี (Radiation-induced fatigue) มันคือ ความรู้สึกเหนื่อยล้า อ่อนแรง หรือหมดแรง ที่เกิดขึ้นในผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วยการฉายรังสี แม้ว่าจะได้พักผ่อนเพียงพอแล้วก็ตาม ซึ่งเราจะไปทำความรู้จักอาการนี้ให้มากขึ้นกัน
ลักษณะเฉพาะของอาการเพลียจากการฉายรังสี
- รู้สึกเหนื่อยมาก โดยไม่มีสาเหตุชัดเจน
- อ่อนแรงทั้งกายและใจ เช่น ไม่มีแรงลุกจากเตียง ขาดแรงจูงใจในการทำกิจกรรม
- ไม่หายแม้จะพักผ่อน ต่างจากอาการเหนื่อยทั่วไปที่ดีขึ้นหลังนอนหลับ
- มักจะเริ่ม สะสม เมื่อการฉายรังสีดำเนินไปเรื่อย ๆ และอาจยังคงอยู่ ต่อเนื่องอีกหลายสัปดาห์หรือเดือน หลังการรักษา
สาเหตุหลักของความเพลียจากการฉายรังสี
- การอักเสบของร่างกาย (Inflammatory Response)
รังสีทำให้เซลล์ปกติบางส่วนถูกทำลาย ส่งผลให้ร่างกายหลั่งสารไซโตไคน์ (cytokines) สารเหล่านี้กระตุ้นการอักเสบ และมีผลต่อระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้รู้สึกเหนื่อยล้า แม้ไม่ได้ใช้แรงมาก
- ความเสียหายของเซลล์ปกติ
แม้ว่ารังสีจะเล็งเป้าไปที่เซลล์มะเร็ง แต่ก็มีผลกระทบต่อเซลล์ปกติ เช่น เซลล์เม็ดเลือดในไขกระดูก โดนรังสีทำให้เกิด โลหิตจาง ก่อให้เกิดความรู้สึกอ่อนแรงง่าย เป็นต้น ในบางกรณี (เช่น ฉายรังสีที่ช่องท้อง) อาจส่งผลต่อการดูดซึมสารอาหาร ทำให้พลังงานลดลง
- การรบกวนวงจรการนอนหลับ (Sleep Disruption)
ความเครียด วิตกกังวล หรือความไม่สบายตัวจากการฉายรังสี ทำให้นอนไม่หลับ หรือหลับไม่สนิท ส่งผลให้ร่างกายไม่ฟื้นตัวเต็มที่ในตอนกลางคืน
- ฮอร์โมนผิดปกติ (Neuroendocrine Effects)
การฉายรังสีบริเวณสมอง หรือใกล้ต่อมไร้ท่อ เช่น ต่อมใต้สมอง ทำให้รบกวนการหลั่งฮอร์โมน อย่างคอร์ติซอล ที่ส่งผลต่อระดับพลังงานและอารมณ์
- ผลทางจิตใจและอารมณ์ (Psychological Stress)
ความวิตกกังวลเกี่ยวกับโรค การรักษา หรือผลข้างเคียง ทำให้เกิด fatigue แบบ psychosomatic (อาการป่วยทางกายจากจิตใจ) บางคนรู้สึกเหนื่อยล้าแม้ตรวจร่างกายไม่พบความผิดปกติรุนแรง
- ภาวะขาดน้ำหรือสารอาหาร (Dehydration & Malnutrition)
อาการข้างเคียง เช่น คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร ทำให้รับพลังงานไม่เพียงพอ จึงรู้สึกเหนื่อยล้า เพลีย
แนวทางการดูแลตัวเองเมื่อรู้สึกเพลียจากการฉายรังสี
- พักผ่อนอย่างเพียงพอ (แต่ไม่เกินพอดี)
จัดตารางให้มีเวลา นอนกลางคืน 7–9 ชั่วโมง หากเพลียระหว่างวัน อาจงีบเบา ๆ ได้ 15–30 นาที (หลีกเลี่ยงการงีบนานเกิน 1 ชม. เพราะจะรบกวนการนอนกลางคืน)
- กินอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ
เน้น โปรตีน (เช่น ไข่ เนื้อไม่ติดมัน ถั่ว เต้าหู้) เพื่อช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อ, กิน คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน (ข้าวกล้อง ธัญพืช) เพื่อพลังงานยั่งยืน, ดื่มน้ำให้เพียงพอวันละ 6–8 แก้ว หรือตามคำแนะนำแพทย์ และท้ายที่สุด หากกินไม่ไหว (ผุ้ป่วยมะเร็งเป็นกันเยอะ) ลองแบ่งมื้อเป็นมื้อเล็ก ๆ 5–6 มื้อต่อวัน
- ออกกำลังกายเบาๆ อย่างสม่ำเสมอ
เช่น เดินช้าๆ 10–30 นาทีต่อวัน หรือยืดเหยียดเบาๆ งานวิจัยจำนวนมากยืนยันว่า การเคลื่อนไหวร่างกายเบา ๆ ช่วยลดอาการเพลียได้ดีกว่าการพักผ่อนตลอดเวลา และหลีกเลี่ยงการออกแรงหนักหากยังไม่พร้อม
- ลดความเครียดและพักผ่อนจิตใจ
ใช้เทคนิคผ่อนคลาย เช่น การหายใจลึกๆ, การทำสมาธิ หรือโยคะเบาๆ หากมีภาวะซึมเศร้าหรือวิตกกังวลมาก ควรปรึกษานักจิตวิทยาหรือแพทย์ บางครั้งสามารถพูดคุยกับคนในครอบครัวหรือกลุ่มผู้ป่วยคนอื่น เพื่อระบายความรู้สึกบ้าง
- จัดตารางชีวิตให้ยืดหยุ่น
เลือกทำกิจกรรมสำคัญในช่วงที่มีพลังงานมากที่สุดของวัน เช่น ตอนเช้า อย่าเร่งรัดตัวเองเกินไป แบ่งภารกิจเป็นช่วงๆ ให้มีเวลาพัก และหากจำเป็น ก็ขอความช่วยเหลือจากคนรอบตัวในการทำงานบ้านหรือภาระอื่นๆ
- ติดตามอาการกับทีมแพทย์
แจ้งแพทย์หากอาการเพลีย รุนแรงขึ้นหรือไม่ดีขึ้นหลังจากพักผ่อน เพราะอาจมีปัจจัยอื่นร่วม เช่น ภาวะโลหิตจาง ขาดน้ำ ซึ่งต้องได้รับการรักษาต่อไป
อาการเพลียจากการฉายรังสี ไม่ใช่แค่ความเหนื่อยธรรมดา แต่เป็นภาวะทางการแพทย์ที่ต้องดูแลอย่างเหมาะสม ผู้ป่วยควรแจ้งแพทย์เมื่อรู้สึกเพลียมาก เพื่อหาทางช่วยเหลือ เช่น ปรับพฤติกรรม เพิ่มโภชนาการ หรือให้การรักษาเพิ่มเติมหากจำเป็น และที่สำคํญที่สุดอย่าหยุดรับการรักษาไปเองเพราะรู้สึกเหนื่อย ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอ เพื่อการรักษาที่มีประสิทธิภาพสูงสุด