Page 122 - รายงานประจำปี 2563 มหาวิทยาลัยมหิดล คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี
P. 122

  120
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี
 มหาวิทยาลัยมหิดล
กระชายขาวต้าน COVID-19
ด้วยสถานการณ์การระบาดของโรค COVID-19 ส่งผลกระทบต่อสุขภาวะของประชากรและระบบเศรษฐกิจ ทั่วโลก คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี และ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล จึงระดมทีมนักวิจัย ร่วมกันสร้าง platform การตรวจวิเคราะห์หาสารออกฤทธิ์ จากสารสกัดธรรมชาติ รวมถึงสมุนไพรไทยที่ใช้เป็นอาหาร ในชีวิตประจําาวันที่มีฤทธิ์ต่อ SARS-CoV-2 ได้แก่ ห้อง ปฏิบัติการไวรัสวิทยา ที่มีระบบปฏิบัติการตามมาตรฐาน ความปลอดภยั ระดบั ที่3(BioSafetyLevel3;BSL-3)มคี วาม เชี่ยวชาญในการคัดแยกและเพาะเลี้ยงไวรัส SARS-CoV-2 และศูนย์ความเป็นเลิศด้านการค้นหาตัวยา หรือ ECDD (Excellence Center for Drug Discovery) ซ่ึงเป็นแหล่ง คลังจัดเก็บสารสกัดสมุนไพร และดําาเนินการด้วยเทคโนโลยี High-Throughput Screening (HTS) ซึ่งมีศักยภาพในการ คัดกรองสารออกฤทธ์ิพร้อมกันจําานวนมาก ๆ ภายในระยะ เวลารวดเร็ว โดยการสร้าง Platform ในการตรวจวิเคราะห์ ดังกล่าว ส่วนหน่ึงได้รับการสนับสนุนจากมูลนิธิรามาธิบดี และศนู ยค์ วามเปน็ เลศิ ดา้ นชวี วทิ ยาศาสตร์(องคก์ ารมหาชน) ท่ีมีเป้าหมายร่วมกันในระยะยาวในการสร้างโอกาสต่อยอด ความเข้มแข็งของประเทศที่มีอยู่ในช่วงสถานการณ์วิกฤต การระบาด COVID-19 เพ่ือค้นหาสารออกฤทธิ์ทางยาและ นําาเข้าสู่กระบวนการพัฒนายาในข้ันต่อไป
จากการดําาเนินการตรวจคัดกรองสารสกัดในคลัง จําานวนกว่า 120 ตัวอย่าง พบว่ามีสารสกัดจําานวน 6 ชนิดท่ี มศี กั ยภาพในการยบั ยงั้ การเพม่ิ จาํา นวนของSARS-CoV-2ที่ ให้ผลในการยับยั้งการติดเชื้อของไวรัสได้ 100% ท่ีปริมาณ ความเข้มข้นของยาในระดับน้อย ๆ และไม่เป็นพิษต่อเซลล์ ซึ่งผลดังกล่าวได้ผ่านการทดสอบเทียบเคียงกับผลการ ยับยั้งของ FDA approved drugs แล้ว จากนั้นทีมวิจัยได้ ทําาการคัดเลือกสารมา 2 ชนิด คือ ขิงและกระชายขาว มา ทาํา การตรวจวเิ คราะหใ์ นเชงิ ลกึ ถงึ กลไกระดบั เซลล์ และพบวา่ กระชายขาวให้ผลการยับย้ังดีท่ีสุด จึงร่วมกับศูนย์ความ เป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (องค์การมหาชน) หรือ TCELS ซึ่งมีความพร้อมที่จะขยายผลการศึกษาประสิทธิภาพของ “กระชายขาว” ซึ่งให้ผลการยับยั้งดีที่สุดมาพัฒนาต่อให้ สามารถเข้าสู่ clinical trial โดยในส่วนของ early phase clinical trial จะทําาในโรงพยาบาลรามาธิบดีเป็นหลัก และ ขยายความร่วมมือออกไปในส่วนของ phase II และ III ใน ลักษณะของ multicenter study ซึ่งเป็นองค์ประกอบสําาคัญ ที่จะทําาให้ประเทศไทยสามารถผลิตยาท่ีเป็น Modernized Thai Traditional Medicine ได้
      




























































































   120   121   122   123   124