2
92
0
0
0
หนังสือคัดค้าน เรื่อง การทบทวนร่างประกาศเรื่องการจ่ายค่าใช้จ่ายเพื่อบริการสาธารณสุข กรณีบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคสำหรับบริการพื้นฐาน (การตรวจ NIPT)
19-03-2025
19-03-2025
- ศาสตราจารย์ เกียรติคุณ ดร.วสันต์ จันทราทิตย์
อังคณา เจริญยิ่งวัฒนา
 
 
เรียน เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
 
ตามที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้จัดทำร่างประกาศเรื่องการจ่ายค่าใช้จ่ายเพื่อบริการสาธารณสุข กรณีบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคสำหรับบริการพื้นฐาน โดยมีแผนการมอบหมายให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข เป็นเพียงหน่วยงานเดียวในการดำเนินการตรวจ NIPT ทั่วประเทศ จำนวน 220,000 คนต่อปี (ทั้งที่ จำนวนศูนย์ตรวจ NIPT ทั้งภาครัฐและเอกชน ทั่วประเทศที่เปิดให้บริการอยู่แล้วประมาณ 120-150 แห่ง) ซึ่งได้มีการเผยแพร่เพื่อรับฟังความคิดเห็นผ่านทางเว็บไซต์ ของ สปสช. ที่ https://law.go.th/ProjectTimeline?projectId=MzkwMURHQV9MQVdfRlJPTlRFTkQ= นั้น
ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ โรงพยาบาลรามาธิบดี ขอแสดงความคิดเห็นคัดค้านต่อแนวทางดังกล่าว เนื่องจากการดำเนินการในลักษณะนี้จะก่อให้เกิดผลกระทบทางลบอย่างร้ายแรงต่อระบบสาธารณสุข การพัฒนาการแพทย์จีโนมิกส์ และประชาชนผู้รับบริการ ดังประเด็นต่อไปนี้
1. ผลกระทบต่อการเข้าถึงบริการของประชาชน
การรวมศูนย์การให้บริการไว้ที่หน่วยงานเดียวจะส่งผลให้ประชาชน โดยเฉพาะหญิงตั้งครรภ์ในภูมิภาคห่างไกลประสบความยากลำบากในการเข้าถึงบริการ ทั้งในแง่ของ:
• ระยะเวลาที่ยาวนานในการขนส่งตัวอย่างจากพื้นที่ห่างไกลมายังศูนย์กลางเพียงแห่งเดียวจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเสื่อมสภาพของตัวอย่างเลือด ซึ่งอาจส่งผลให้ผลการตรวจมีความแม่นยำลดลง
• ความเปราะบางของระบบ: หากเกิดปัญหาใดๆ ที่ศูนย์กลาง เช่น การขัดข้องของเครื่องมือ การขาดแคลนบุคลากร หรือภัยพิบัติ จะส่งผลกระทบต่อระบบการตรวจทั้งประเทศ โดยไม่มีทางเลือกสำรอง
• ความล่าช้าในการรายงานผล อันเนื่องมาจากปริมาณตัวอย่างจำนวนมากที่ต้องวิเคราะห์ในเวลาจำกัด
• การขาดการกระจายจุดให้บริการและให้คำปรึกษาในพื้นที่ ทำให้ประชาชนต้องเดินทางไกลเพื่อใช้บริการ
2. ความเสี่ยงต่อสุขภาพมารดาและทารกจากความล่าช้าในการวินิจฉัย
การรวมศูนย์ที่หน่วยงานเดียวซึ่งต้องรับผิดชอบการตรวจวิเคราะห์ถึง 220,000 รายต่อปี หรือประมาณ 4,200 รายต่อสัปดาห์ หรือ 600 รายต่อวัน จะก่อให้เกิด:
• ความล่าช้าในการวิเคราะห์และรายงานผลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ระยะเวลาดำเนินการ (TAT) ในแต่ละตัวอย่างส่งตรวจโดยเฉลี่ยประมาณ 5-10 วัน เนื่องจากกระบวนการมีขั้นตอนที่ซับซ้อน
• การเสียโอกาสในการวินิจฉัยและตัดสินใจทางการแพทย์ในระยะเวลาที่เหมาะสม
• ความเสี่ยงในการเกิดข้อผิดพลาดจากการปฏิบัติงานที่เร่งรีบเพื่อให้ทันปริมาณงานที่มาก
3. การสูญเสียทรัพยากรและงบประมาณของรัฐอย่างไม่เกิดประโยชน์สูงสุด
การผูกขาดการให้บริการไว้ที่หน่วยงานเดียวเป็นการสร้างระบบที่ขาดการแข่งขัน (Monopoly) ซึ่งจะส่งผลต่อประสิทธิภาพการใช้งบประมาณของรัฐ ดังนี้:
• ขาดแรงจูงใจในการพัฒนาประสิทธิภาพและลดต้นทุนการให้บริการ
• ลดโอกาสในการประหยัดงบประมาณจากกลไกการแข่งขันอย่างเสรีและเป็นธรรม
• ไม่สอดคล้องกับหลักธรรมาภิบาลในการบริหารจัดการภาครัฐ โดยเฉพาะในด้านความคุ้มค่า
4. การละเมิดหลักการพัฒนาระบบสาธารณสุขอย่างยั่งยืน
การผูกขาดการให้บริการจะนำไปสู่:
• การสูญเสียองค์ความรู้และประสบการณ์ที่มีอยู่แล้วในสถาบันการแพทย์อื่นๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนที่ได้ดำเนินการตรวจ NIPT มากว่า 10 ปี ประเมินคร่าว ๆ จำนวนศูนย์ตรวจ NIPT ทั้งหมดทั่วประเทศ (ทั้งภาครัฐและเอกชน) น่าจะอยู่ในช่วง ประมาณ 120-150 แห่ง โดยตัวเลขนี้เป็นการคาดการณ์จากข้อมูลที่มีในปัจจุบันและอาจสูงกว่านี้หากนับรวมคลินิกขนาดเล็กที่ให้บริการร่วมกับแลปเอกชน
• การลดทอนศักยภาพของระบบสาธารณสุขในภาพรวม จากการไม่ใช้ประโยชน์จากทรัพยากรและความเชี่ยวชาญที่มีอยู่ทั่วประเทศ
• การขัดขวางการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีในวงการแพทย์ของประเทศ
5. การสร้างความไม่เป็นธรรมในระบบสาธารณสุข
การดำเนินการดังกล่าวก่อให้เกิด:
• ความไม่เสมอภาคในการเข้าถึงบริการระหว่างผู้ที่อยู่ในเขตเมืองและชนบท
• การเลือกปฏิบัติต่อหน่วยงานเดียว โดยไม่เปิดโอกาสให้หน่วยอื่นมีส่วนร่วมอย่างเท่าเทียม
• การสร้างความเหลื่อมล้ำในระบบบริการสาธารณสุขซึ่งขัดต่อหลักการพื้นฐานของระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า
6. ผลกระทบจากการเอื้อประโยชน์ให้เฉพาะบางหน่วยงานและบริษัท
• การรวมศูนย์การตรวจวิเคราะห์ที่หน่วยงานเดียวอาจเปิดช่องให้เกิดการเอื้อประโยชน์ต่อกลุ่มบุคคลหรือบริษัทที่เกี่ยวข้อง เช่น การกำหนดให้ใช้บริการจากผู้รับเหมาเอกชนรายใดรายหนึ่งในการจัดหาอุปกรณ์หรือบริหารจัดการระบบ โดยอาจมีการล็อกสเปกหรือให้สัญญากับกลุ่มที่มีผลประโยชน์ทับซ้อนกับผู้มีอำนาจตัดสินใจ ส่งผลให้เกิดการผูกขาด ราคาที่สูงเกินจริง หรือคุณภาพบริการที่ไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งอาจกระทบต่องบประมาณของ สปสช. และประโยชน์ของประชาชนโดยรวม
• การกระจายระบบการตรวจ NIPT ไปยังหน่วยงานที่มีศักยภาพทั่วประเทศ (decentralization) จึงเป็นแนวทางที่จะช่วยลดผลกระทบเหล่านี้ และตอบสนองความต้องการด้านสุขภาพของประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าการรวมศูนย์ (centralization)
7. การขัดแย้งกับแนวทางการดำเนินงานที่ผ่านมาของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
ในปีงบประมาณ 2564 สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้ประกาศให้สิทธิประโยชน์ "บริการตรวจคัดกรองเพื่อค้นหาการกลายพันธุ์ของยีนโรคมะเร็งเต้านม BRCA1/BRCA2" ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สำหรับประชาชนไทยอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไปที่เป็นผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่มีความเสี่ยงสูง และญาติสายตรงที่มีประวัติครอบครัวตรวจพบยีนกลายพันธุ์ โดยในกรณีดังกล่าว สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติได้ดำเนินการตามหลักการบริหารภาครัฐที่ดี ด้วยการเปิดโอกาสให้หน่วยตรวจบริการหลายแห่งทั้งภาครัฐ ซึ่งรวมถึงกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และภาคเอกชนที่มีศักยภาพสามารถเข้าร่วมดำเนินการให้บริการแก่ประชาชนทั่วประเทศอย่างเป็นธรรมและเท่าเทียม
อย่างไรก็ตาม ในกรณีของการตรวจคัดกรอง Non-Invasive Prenatal Test (NIPT) ปี 2568 ซึ่งเป็นบริการทางการแพทย์ที่มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติกลับมีแนวทางการดำเนินการที่แตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง ด้วยการมอบหมายให้เพียงหน่วยงานเดียวเป็นผู้ดำเนินการทั้งหมด การกระทำดังกล่าวมิได้สอดคล้องกับหลักธรรมาภิบาลและความโปร่งใสที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติได้ยึดถือและปฏิบัติมาในอดีต
การเปลี่ยนแปลงแนวทางดังกล่าวโดยปราศจากเหตุผลที่ชัดเจนและเป็นที่ประจักษ์ อาจก่อให้เกิดข้อสงสัยต่อกระบวนการพิจารณาและตัดสินใจในการบริหารงาน ซึ่งเป็นเรื่องที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความน่าเชื่อถือและความเชื่อมั่นของสาธารณชนที่มีต่อการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ นอกจากนี้ การให้ประโยชน์แก่กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งโดยเฉพาะ อาจนำไปสู่ความไม่เป็นธรรมในระบบ และลดความไว้วางใจของประชาชนต่อการทำงานของ สปสช. หากประชาชนหรือสื่อตรวจพบพฤติกรรมดังกล่าว อาจเกิดกระแสต่อต้านและความเสียหายต่อภาพลักษณ์ขององค์กร
8. การขัดขวางการพัฒนาศักยภาพด้านจีโนมทางการแพทย์ของประเทศในระดับภูมิภาค
การตรวจ NIPT เป็นการตรวจทั้งจีโนมที่ทันสมัย ยกระดับให้ประเทศล้ำไปข้างหน้าชาติอาเซียนในแง่ของการผนวกเข้าสิทธิประโยชน์ของ สปสช. ที่ทุกคนเข้าถึง จึงมีความจำเป็นต้องมีกระจายให้ศูนย์ตรวจทั่วประเทศได้พัฒนาการตรวจประเภทนี้ มิใช่รวมศูนย์ดำเนินการอยู่ที่แห่งเดียว จะไม่เกิดการพัฒนาก้าวหน้าทั้งประเทศไปพร้อมกันในด้านจีโนมทางการแพทย์
___________________________________________
ข้อเสนอแนะเพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชน
ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ โรงพยาบาลรามาธิบดี จึงขอเสนอให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติพิจารณา:
1. ทบทวนและยกเลิกแนวทางการมอบหมายให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เป็นเพียงหน่วยงานเดียวในการดำเนินการตรวจ NIPT
2. เปิดโอกาสให้หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนที่มีศักยภาพและความพร้อมเข้าร่วมให้บริการ โดยกำหนดมาตรฐานที่ชัดเจนและเป็นธรรม
3. สร้างระบบการกระจายจุดรับตัวอย่างและให้คำปรึกษาในระดับภูมิภาคและท้องถิ่น เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงบริการได้อย่างทั่วถึง
4. จัดให้มีกลไกการกำกับดูแลคุณภาพและราคาที่โปร่งใส เพื่อประกันว่าประชาชนจะได้รับบริการที่มีคุณภาพในราคาที่เหมาะสม
5. ยึดถือแนวทางการดำเนินงานที่เคยปฏิบัติมาแล้วในกรณีการตรวจ BRCA1/BRCA2 เป็นต้นแบบในการดำเนินการตรวจ NIPT เพื่อความสอดคล้องและต่อเนื่องในนโยบายสาธารณสุข
การดำเนินการตามข้อเสนอแนะดังกล่าวจะช่วยส่งเสริมการแข่งขันอย่างเป็นธรรม ลดต้นทุนค่าใช้จ่าย พัฒนาคุณภาพบริการ และสร้างความยั่งยืนให้กับระบบสาธารณสุขของประเทศในระยะยาว
จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา
ขอแสดงความนับถือ,
ศ.เกียรติคุณ ดร.วสันต์ จันทราทิตย์
ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ โรงพยาบาลรามาธิบดี
___________________________________________
ตารางเปรียบเทียบการรวมศูนย์และการกระจายศูนย์สำหรับ NIPT: ประโยชน์และความท้าทาย https://www.facebook.com/CMGrama/posts/pfbid02cvGpnFN5rzY5SY8oDVAWGVirrrZoSRFDQgUrd7bmyQHq1Vf4drAQFxLd7W5w9w1El
___________________________________________
การตรวจ NIPT (Non-Invasive Prenatal Testing) เป็นวิธีการตรวจคัดกรองความผิดปกติทางพันธุกรรมของทารกในครรภ์ โดยวิเคราะห์ดีเอ็นเอของทารกที่ลอยอยู่ในกระแสเลือดของมารดา นับเป็นเทคโนโลยีทันสมัยในการวิเคราะห์จีโนมของทารกจากตัวอย่างเลือดมารดา การตรวจนี้สามารถตรวจพบความผิดปกติของโครโมโซม อาทิ กลุ่มอาการดาวน์ (โครโมโซม 21) กลุ่มอาการเอ็ดเวิร์ด (โครโมโซม 18) และกลุ่มอาการพาทัว (โครโมโซม 13) ได้ตั้งแต่อายุครรภ์ 10 สัปดาห์เป็นต้นไป วิธีการนี้มีความปลอดภัยสูงเนื่องจากไม่ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการแท้งบุตร เพราะเป็นเพียงการเจาะเลือดมารดาเท่านั้น นอกจากนี้ การตรวจ NIPT ยังช่วยลดความจำเป็นในการเจาะน้ำคร่ำ ซึ่งเป็นหัตถการที่มีความเสี่ยงสูงในแง่ของการแท้งบุตร การติดเชื้อในครรภ์ และภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้นกับทั้งมารดาและทารกในครรภ์
download: เอกสาร ประกาศสํานักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (NIPT) https://drive.google.com/.../1eZpR1k6Ze.../view...
 
 
ชื่อผู้เผยแพร่
อังคณา เจริญยิ่งวัฒนา
ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ - 19-03-2025
แสดงความคิดเห็น