บทนำ
ในยุคที่โลกเชื่อมโยงถึงกันอย่างใกล้ชิด แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย เช่น X (ชื่อเดิมคือ Twitter) ได้กลายเป็นแหล่งข้อมูลสาธารณะขนาดใหญ่ที่แสดงให้เห็นถึงความคิดเห็นของผู้คนแบบเรียลไทม์ โดยเฉพาะในแวดวงสาธารณสุข แพลตฟอร์มเหล่านี้ทำหน้าที่เสมือน "หน้าต่าง" ที่เปิดให้เราได้เข้าใจการรับรู้ พฤติกรรม และความกังวลของประชาชนในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ
การนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence - AI) โดยเฉพาะการประมวลผลภาษาธรรมชาติ หรือ NLP (Natural Language Processing) ซึ่งเป็นเทคนิคที่ช่วยให้คอมพิวเตอร์สามารถ "เข้าใจ" และ "วิเคราะห์" ข้อความภาษาเหมือนมนุษย์ มาช่วยวิเคราะห์ข้อมูลจากโซเชียลมีเดีย จึงถือเป็นก้าวสำคัญที่สามารถยกระดับงานวิจัยด้านสาธารณสุขได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยให้ข้อมูลเชิงลึกที่ทันต่อเหตุการณ์และเข้าใจง่าย
การรับรู้ของประชาชนบนสื่อโซเชียลมีเดีย: การศึกษาเกี่ยวกับ X (Twitter) และความสำคัญในแง่ของสาธารณสุข
มีการศึกษาในประเทศไทยที่ใช้ X (Twitter) เพื่อทำความเข้าใจความรู้สึกและการรับรู้ของประชาชนในประเด็นด้านสุขภาพ โดยตัวอย่างงานวิจัยที่เกิดจากความร่วมมือระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งในและนอกคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี แสดงให้เห็นถึงประโยชน์ของแพลตฟอร์มนี้ในหลายมิติ เช่น
1. การฉีดวัคซีน COVID-19
งานวิจัยชิ้นหนึ่งได้ใช้ X (Twitter) เพื่อศึกษาทัศนคติของประชาชนต่อวัคซีน COVID-19 ในประเทศไทย โดยระบุถึงปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการรับรู้ เช่น การฉีดวัคซีนโดยบุคคลสาธารณะหรือผู้มีชื่อเสียง และแคมเปญส่งเสริมต่าง ๆ ซึ่งส่งผลให้ประชาชนมีทัศนคติเชิงบวกมากขึ้น
2. การทำให้กัญชาถูกกฎหมาย
หลังจากที่ประเทศไทยประกาศให้กัญชาถูกกฎหมาย มีการศึกษาเนื้อหาบน X (Twitter) เพื่อสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับประเด็นสุขภาพ โดยใช้เทคนิคการวิเคราะห์หัวข้อและอารมณ์ (topic and sentiment analysis) ซึ่งพบว่าทวีตเกี่ยวกับกัญชามีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และประเด็นที่ประชาชนกังวลมากที่สุดคือ “อาหารที่มีกัญชาเป็นส่วนผสม”
3. โรคมะเร็งต่อมไทรอยด์
การศึกษานี้มุ่งเน้นไปที่การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงพรรณนา (descriptive analysis) จากผู้ใช้ทั่วโลก เพื่อเข้าใจประสบการณ์ของผู้ป่วยโรคมะเร็งต่อมไทรอยด์ พบว่าเนื้อหาหลายทวีตสะท้อนความรู้สึกด้านลบ โดยเฉพาะเมื่อพูดถึงอาการ การวินิจฉัย และการรักษา
4. ภาวะสมองเสื่อม
การศึกษาข้ามวัฒนธรรมนี้เปรียบเทียบความคิดเห็นของผู้ใช้งาน X (Twitter) ทั้งในภาษาไทยและภาษาอังกฤษ โดยพบความแตกต่างทางวัฒนธรรมอย่างชัดเจน เช่น ทวีตภาษาอังกฤษมีแนวโน้มจะกล่าวถึง "การตีตรา" (stigma) ของผู้ป่วยมากกว่า ขณะที่ในภาษาไทยมีเนื้อหาที่เป็น "ข้อมูลผิดพลาด" (misinformation) ค่อนข้างมาก
บทบาทของการนำการประมวลผลภาษาธรรมชาติมาใช้ในงานวิจัยด้านสาธารณสุข
งานวิจัยเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่า การประมวลผลภาษาธรรมชาติ มีบทบาทสำคัญอย่างไรในการแปลงข้อมูลดิบจากโซเชียลมีเดียให้กลายเป็นข้อมูลที่มีความหมาย ซึ่งสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในงานด้านสาธารณสุข
- การวิเคราะห์ความคิดเห็น (Sentiment Analysis)
เป็นเทคนิคที่ใช้ในการช่วยประเมินว่า ข้อความหนึ่ง ๆ เป็นข้อความเชิงบวก เชิงลบ หรือมีลักษณะเป็นกลาง ซึ่งช่วยให้นักวิจัยเข้าใจว่าประชาชนรู้สึกอย่างไรกับนโยบายหรือเหตุการณ์สุขภาพต่าง ๆ
- การจำแนกหัวข้อ (Topic Modeling)
ซึ่งเป็นกระบวนการที่คอมพิวเตอร์ช่วยวิเคราะห์และค้นหาว่า ผู้คนบนโซเชียลมีเดียกำลังพูดถึงหัวข้ออะไรบ่อย เช่น ความกังวลเรื่องผลข้างเคียงของวัคซีน หรือความสับสนเกี่ยวกับโรคบางชนิด วิธีนี้ช่วยให้นักวิจัยสามารถระบุประเด็นสำคัญที่ควรให้ความสนใจ และนำไปใช้ในการสื่อสารหรือวางแผนด้านสาธารณสุขได้อย่างตรงจุด
- การวิเคราะห์แนวโน้ม (Trend Analysis)
เป็นการวิเคราะห์ว่าเนื้อหาหรืออารมณ์ของประชาชนเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรตามเวลา เช่น ในช่วงก่อนและหลังการประกาศมาตรการสาธารณสุขบางอย่าง เพื่อดูผลกระทบต่อความรู้สึกของประชาชน
การยกระดับการวิจัยด้านสาธารณสุขด้วยข้อมูลจากโซเชียลมีเดีย
การใช้ข้อมูลจาก X (Twitter) ผสานกับการวิเคราะห์ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ ช่วยให้การวิจัยด้านสาธารณสุขมีความลึกซึ้งและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นในหลายด้าน ได้แก่
- ข้อมูลเชิงลึกแบบเรียลไทม์
นักวิจัยสามารถติดตามและเข้าใจปฏิกิริยาของประชาชนต่อเหตุการณ์ต่าง ๆ ได้ทันที เช่น การระบาดของโรค หรือข่าวสำคัญด้านสุขภาพ
- การวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมาก (Big Data Analysis)
ด้วยปริมาณข้อมูลมหาศาลจากโซเชียลมีเดีย นักวิจัยสามารถตรวจสอบแนวโน้มในวงกว้างที่อาจมองไม่เห็นจากการเก็บข้อมูลแบบดั้งเดิม
- สะท้อนมุมมองที่หลากหลายของประชาชน
โซเชียลมีเดียเปิดโอกาสให้ทุกคนแสดงความเห็น จึงช่วยให้นักวิจัยเข้าใจความหลากหลายของประชาชนในหลายกลุ่ม
- ข้อมูลเชิงวัฒนธรรม
การวิเคราะห์เนื้อหาข้ามวัฒนธรรมเผยให้เห็นว่าเรื่องสุขภาพเดียวกันอาจถูกตีความหรือพูดถึงต่างกันในแต่ละสังคม ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งในการออกแบบนโยบายหรือแคมเปญที่สอดคล้องกับบริบททางวัฒนธรรม
บทสรุป
จากตัวอย่างงานวิจัยที่กล่าวมา แสดงให้เห็นว่า X (Twitter) เป็นแหล่งข้อมูลสำคัญที่สามารถใช้ศึกษาและติดตามความคิดเห็นของประชาชนในประเด็นด้านสาธารณสุขได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะเมื่อใช้ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์อย่าง NLP ซึ่งช่วยให้สามารถเจาะลึกถึงอารมณ์ ความรู้สึก หัวข้อสำคัญ และแนวโน้มที่เกิดขึ้นในสังคม
ข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้สามารถนำไปใช้ในการออกแบบนโยบาย การสื่อสาร หรือการแทรกแซงด้านสุขภาพที่ตรงจุดและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และเมื่อเทคโนโลยีและโซเชียลมีเดียยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง บทบาทของข้อมูลจากแพลตฟอร์มเหล่านี้ในการวิจัยด้านสาธารณสุขก็จะยิ่งมีความสำคัญและขยายตัวมากขึ้นเรื่อย ๆ
บทความวิจัยที่เกี่ยวข้อง
1. Chitphuk, S.; Stitchantrakul, W.; Ongphiphadhanakul, B.; Kueanjinda, P.; Lerksuthirat, T.** Public perceptions on Twitter about COVID-19 vaccines in Thailand. Southeast Asian Journal of Tropical Medicine and Public Health 2022, 53 (4), 397-408, url: https://journal.seameotropmednetwork.org/index.php/jtropmed/article/view/618
2. Meksawasdichai, S.; Lerksuthirat, T.; Ongphiphadhanakul, B.; Sriphrapradang, C. Perspectives and Experiences of Patients With Thyroid Cancer at a Global Level: Retrospective Descriptive Study of Twitter Data. JMIR Cancer 2023, 9, e48786. doi: 10.2196/48786
3. Lerksuthirat, T.; Srisuma, S.; Ongphiphadhanakul, B.; Kueanjinda, P. Sentiment and Topic Modeling Analysis on Twitter Reveals Concerns over Cannabis-Containing Food after Cannabis Legalization in Thailand. Healthc Inform Res 2023, 29 (3), 269-279. doi: 10.4258/hir.2023.29.3.269
4. Srikajornlarp, S.; Lerksuthirat, T.; Patpong, P.; Ongphiphadhanakul, B.; Chattaris, T. Exploring public perceptions of dementia on Twitter (X): a cross-cultural analysis. Alzheimers Dement 2025, 21(3), e70042. doi: 10.1002/alz.70042
**เนื้อหาสรุปนี้เป็นการถอดบทความงานวิจัยที่ทำร่วมกันระหว่างทีมนักวิจัยจากหลายสถาบัน อันได้แก่ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และสถาบันวิจัยภาษาและวัฒนธรรมเอเชีย