ปี 2567 พบการระบาดโควิด-19 มาตั้งแต่ฤดูร้อน ย่างเข้าฤดูหนาวที่น่าจะทวีความรุนแรงขึ้น แม้จะยังไม่ถือว่าเป็นการระบาดใหญ่ เต็มรูปแบบ แต่หน่วยงานด้านสาธารณสุขทั่วโลกกำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ไม่ควรตระหนกแต่ควรตระหนัก ที่ควรตระหนักเพื่อป้องกันมิให้เราติดเชื้อโควิด-19 ป้องกันมิให้ไวรัสหลุดจากระบบป้องกันทางเดินหายใจส่วนบน (ภูมิคุ้มกันของเยื่อเมือก-IgA) เข้าสู่กระแสเลือดที่จะนำพาไวรัสเข้าโจมตีอวัยะวะต่างๆ ทั่วร่างกาย แม้ส่วนใหญ่จะไม่มีอาการรุนแรงแต่หลายคนสุขภาพไม่อาจกลับมาดีดังเดิมเนื่องจากอาการลองโควิด (long covid) ที่เกิดติดตามมา
สื่อใหญ่อย่าง BBC เริ่่มออกมาเตือนให้เตรียมรับมือ โอมิครอน XEC
-XEC เป็นสายพันธุ์ย่อยใหม่ของโอมิครอน พบครั้งแรกในเยอรมนีเมื่อเดือนมิถุนายน 2567
-XEC เป็นสายพันธุ์ย่อยของโอมิครอน เป็นลูกผสมระหว่างสายพันธุ์ย่อยของโอมิครอนที่ค้นพบก่อนหน้านี้สองสายพันธุ์ - KS.1.1 (กลุ่มสายพันธุ์ FLiRT) และ KP.3.3 (กลุ่มสายพันธุ์ FLuQE) การรวมตัวกันใหม่นี้ส่งผลให้เกิดการกลายพันธุ์ใหม่หลายอย่าง ซึ่งอาจทำให้มันแพร่เชื้อได้มากกว่าสายพันธุ์ก่อนหน้านี้
-ขณะนี้พบการแพร่ระบาดใน 15 ประเทศทั่วยุโรป อเมริกาเหนือ เอเชีย ยังไม่พบในประเทศไทย
-มีการสุ่มถอดรหัสพันธุกรรม XEC ทั้งจีโนมไปแล้วมากกว่า 550 ตัวอย่างจาก 27 ประเทศ
-จากการวิเคราะห์รหัสพันธุกรรมทั้งจีโนมในสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร, และจีน พบว่า XEC มีความได้เปรียบในการเติบโตและแพร่ระบาด (relative growth advantage) เหนือกว่าสายพันธุ์โอมิครอนอื่นที่ระบาดอยู่ในประเทศ ประมาณ 90%, 84%, และ 110% ตามลำดับ
-ในบางประเทศในยุโรป XEC มีสัดส่วนถึง 10-20% ของตัวอย่างที่ทดสอบเมื่อเร็วๆ นี้
-ผู้เชี่ยวชาญบางคนเชื่อว่าโอมิครอน XEC อาจกลายเป็นสายพันธุ์หลักในอีกไม่กี่สัปดาห์หรือเดือนข้างหน้า
-สายพันธุ์นี้กำลังแพร่กระจายอย่างรวดเร็วในหลายประเทศในยุโรป สหรัฐอเมริกา และเริ่มพบในจีน โดยพบผู้ติดเชื้อโอมิครอน XEC 10-17% ในสโลวีเนีย เดนมาร์ก และเยอรมนี
-อาการของ XEC คล้ายกับไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์อื่นๆ เช่น มีไข้ ไอ และสูญเสียการรับกลิ่น
-วัคซีนที่มีอยู่ในปัจจุบันยังคงแนะนำให้ใช้เพื่อป้องกันการเจ็บป่วยรุนแรง แม้จะมีสายพันธุ์ใหม่เกิดขึ้น
อาการของสายพันธุ์ XEC คล้ายกับสายพันธุ์โควิด-19 อื่นๆ และโรคทั่วไปเช่นหวัดและไข้หวัดใหญ่ หน่วยบริการสุขภาพแห่งชาติ (NHS) ของสหราชอณาจักร ระบุอาการหลักดังนี้:
- มีไข้สูงหรือหนาวสั่น
- ไอต่อเนื่องแบบใหม่
- สูญเสียหรือเปลี่ยนแปลงการรับกลิ่นหรือรส
- หายใจลำบาก
- รู้สึกเหนื่อยล้าหรือหมดแรง
- ปวดเมื่อยตามร่างกาย
- ปวดศีรษะ
- เจ็บคอ
- คัดจมูกหรือน้ำมูกไหล
- เบื่ออาหาร
- ท้องเสีย
- รู้สึกไม่สบายหรืออาเจียน
วิธีป้องกันโควิด XEC
ฉีดวัคซีนหากยังไม่ได้รับ
รับวัคซีนเข็มกระตุ้นเพื่อให้ภูมิคุ้มกันเป็นปัจจุบัน
สวมหน้ากากอนามัย โดยเฉพาะในพื้นที่แออัด
หลีกเลี่ยงการรวมตัวของคนจำนวนมากหากเป็นไปได้
รักษาระยะห่างทางกายภาพจากผู้อื่น
รักษาสุขอนามัยที่ดี เช่น ล้างมือบ่อยๆ
แยกตัวหากคุณมีอาการข้างต้นเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของไวรัส
หน่วยงานความมั่นคงด้านสุขภาพแห่งสหราชอาณาจักร (UKHSA) กล่าวว่าเป็นเรื่องปกติที่ไวรัสจะมีการกลายพันธุ์และเปลี่ยนแปลง
ผู้ที่มีสิทธิ์รับวัคซีนกระตุ้นฟรี (สหราชอาณาจักร ) ได้แก่:
ผู้ที่มีอายุเกิน 64 ปี
ผู้ที่อาศัยอยู่ในบ้านพักคนชรา
ผู้ที่มีอายุมากกว่า 6 เดือนและอยู่ในกลุ่มเสี่ยงทางคลินิก
บุคลากรด้านหน้าของ NHS บ้านพักคนชรา และผู้ให้บริการด้านสังคมบางราย
การรณรงค์ฉีดวัคซีนหลักสำหรับไข้หวัดใหญ่และโควิด จะเริ่มขึ้นในเดือนตุลาคม แม้ว่าบางคนอาจได้รับวัคซีนเร็วกว่านั้น
Dr Gayatri Amirthalingam รองผู้อำนวยการ UKHSA กล่าวว่า "เป็นเรื่องปกติและคาดหมายได้ที่ไวรัสจะมีการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมเมื่อเวลาผ่านไป UKHSA ยังคงติดตามข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับสายพันธุ์โควิดที่กำลังเกิดขึ้นในสหราชอาณาจักรและทั่วโลก และเผยแพร่ข้อมูลของสหราชอาณาจักรให้ทั่วโลกทราบอย่างสม่ำเสมอ"
อ่านเพิ่มเติม
"ความท้าทายใหม่ในการรับมือโควิด-19 ของจีนเมื่อต้องเผชิญกับการระบาดโอมิครอนสองสายพันธุ์ XDV.1 และ XEC พร้อมกัน" https://www.facebook.com/CMGrama/posts/pfbid02EgwsDTctSgLK5sDu4PwsDZoAehxxec3ssv4W1GXqAth9a5DEmrdsCJW6NAKAXPVZl
"วิวัฒนาการของ โอมิครอน: ทำไม XEC และ KP.3.1.1 จึงเป็นที่สนใจของผู้เชี่ยวชาญ?" และความจำเป็นในการให้ข้อมูลแก่สาธารณชนทราบเป็นระยะ
"เตรียมพร้อมรับมือโอมิครอน XEC: สายพันธุ์ที่อาจเปลี่ยนโฉมหน้าการระบาด"
