ในขณะที่ประเทศไทยกำลังเผชิญกับปัญหาอัตราการเกิดที่ลดลงอย่างรวดเร็ว อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐอเมริกาได้ประกาศนโยบายหาเสียงใหม่ที่น่าสนใจในวันพฤหัสบดีที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2567 ว่าหากได้รับเลือกให้กลับมาดำรงตำแหน่งอีกสมัย เขาจะผลักดันให้การรักษาภาวะมีบุตรยากด้วยวิธีการปฏิสนธินอกร่างกาย (IVF - In Vitro Fertilization) เป็นบริการที่ไม่มีค่าใช้จ่ายสำหรับชาวอเมริกัน
ตามแผนนี้ รัฐบาลจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการทำ IVF หรือบังคับให้บริษัทประกันต้องครอบคลุมค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง ทรัมป์ให้เหตุผลว่าต้องการส่งเสริมการเพิ่มประชากร โดยกล่าวว่า "พูดง่ายๆ คือเราต้องการให้มีเด็กเกิดมากขึ้น" นโยบายนี้มีแนวโน้มที่จะรวมถึงการตรวจพันธุกรรมของตัวอ่อนก่อนการฝังตัว (PGT - Preimplantation Genetic Testing) ซึ่งเป็นเทคนิคการคัดกรองขั้นสูงที่ใช้ร่วมกับ IVF เพื่อตรวจหาความผิดปกติทางพันธุกรรมในตัวอ่อนก่อนการฝังตัวในมดลูก เพื่อเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ และเด็กเกิดมาสมบรูณ์
PGT ย่อมาจาก Preimplantation Genetic Testing หรือการตรวจคัดกรองพันธุกรรมก่อนการฝังตัวของตัวอ่อน
ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับ PGT:
1. ความหมาย: เป็นเทคนิคที่ใช้ในกระบวนการทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) เพื่อตรวจสอบความผิดปกติทางพันธุกรรมของตัวอ่อนก่อนการย้ายฝากเข้าสู่มดลูก
2. วิธีการ:
-เก็บเซลล์จากตัวอ่อนระยะ blastocyst (วันที่ 5-6 หลังปฏิสนธิ)
-วิเคราะห์ DNA ของเซลล์ที่เก็บมา
3. ประเภทของ PGT:
-PGT-A: ตรวจความผิดปกติของจำนวนโครโมโซม
-PGT-M: ตรวจโรคพันธุกรรมเฉพาะ
-PGT-SR: ตรวจความผิดปกติโครงสร้างโครโมโซม
4. ประโยชน์:
-เพิ่มโอกาสความสำเร็จของการทำ IVF
-ลดความเสี่ยงการแท้งบุตร
-ป้องกันการถ่ายทอดโรคทางพันธุกรรม
5. ข้อจำกัด:
-มีค่าใช้จ่ายสูง
-อาจเพิ่มระยะเวลาในการทำ IVF
-ไม่สามารถตรวจพบความผิดปกติทั้งหมดได้
6. ผู้ที่ควรพิจารณา:
-คู่สมรสที่มีประวัติโรคทางพันธุกรรม
-ผู้ที่มีประวัติแท้งบุตรซ้ำ
-ผู้ที่ล้มเหลวจากการทำ IVF หลายครั้ง
-สตรีที่มีอายุมาก
PGT เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการมีบุตรที่มีสุขภาพดีสำหรับคู่สมรสที่มีความเสี่ยงทางพันธุกรรม แต่ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อพิจารณาความเหมาะสมเป็นรายกรณี
ปัจจุบันในสหรัฐอเมริกา คนส่วนน้อยที่มีประกันที่ครอบคลุมการรักษาภาวะมีบุตรยาก ทำให้คู่สมรสจำนวนมากต้องรับภาระค่าใช้จ่ายสูงด้วยตนเอง โดยการทำ IVF หนึ่งรอบมีค่าใช้จ่ายประมาณ 20,000 ดอลลาร์สหรัฐ (720,000 บาท) ซึ่งเป็นภาระทางการเงินที่หนักสำหรับหลายครอบครัว การตรวจ PGT ยิ่งเพิ่มค่าใช้จ่ายโดยรวม โดยมีราคาประมาณ 3,000 ถึง 5,000 ดอลลาร์สหรัฐ (108,000 ถึง 180,000 บาท) ต่อรอบ
ในทางตรงกันข้าม รองประธานาธิบดีคามาลา แฮร์ริส ยังคงยืนยันจุดยืนสนับสนุนสิทธิในการทำแท้งและสนับสนุนแนวทางที่ครอบคลุมสิทธิด้านการเจริญพันธุ์มากกว่า
ในขณะเดียวกัน ประเทศไทยก็กำลังเผชิญกับปัญหาอัตราการเกิดที่ลดลงเช่นกัน กระทรวงสาธารณสุขไทยกำลังเร่งผลักดันให้ "การส่งเสริมการมีบุตร" เป็นวาระแห่งชาติ เพื่อแก้ไขปัญหานี้ สถิติล่าสุดแสดงให้เห็นว่าในปี 2564 มีเด็กเกิดใหม่เพียง 485,085 คน น้อยกว่าจำนวนผู้เสียชีวิตถึง 64,957 คน และอัตราเจริญพันธุ์รวม (TFR) ในปี 2565 อยู่ที่ 1.16 ซึ่งต่ำกว่าระดับทดแทนที่ 2.1 อย่างมาก ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่าหากสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้ ในอีก 60 ปีข้างหน้า ประชากรไทยจะลดลงจาก 66 ล้านคนเหลือเพียง 33 ล้านคน
สาเหตุหลักของการไม่มีบุตรในประเทศไทยมาจากปัญหาด้านเศรษฐกิจ สังคม การศึกษา และสิ่งแวดล้อม คิดเป็น 90% ส่วนอีก 10% มาจากปัญหาด้านสุขภาพ เช่นการมีบุตรเมื่ออายุมาก กระทรวงสาธารณสุขจึงกำลังพิจารณามาตรการต่างๆ เช่น การส่งเสริมความสมดุลระหว่างการทำงานและการดูแลครอบครัว การช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูบุตร การสนับสนุนผู้ที่มีบุตรยาก และการแก้ไขกฎหมายเพื่อให้กลุ่มต่างๆ เข้าถึงเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ได้มากขึ้น
ในแผนระยะสั้น 100 วัน กระทรวงสาธารณสุขตั้งเป้าที่จะผลักดันการส่งเสริมการมีบุตรเป็นวาระแห่งชาติ และจัดตั้งคลินิกส่งเสริมการมีบุตรจังหวัดละ 1 แห่ง ภายในธันวาคม 2566
ในส่วนของการตรวจพันธุกรรมของตัวอ่อน (PGT) ในประเทศไทย ยังไม่ได้ถูกรวมอยู่ในชุดสิทธิประโยชน์ของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) อย่างไรก็ตาม สปสช. ได้เห็นชอบในหลักการที่จะเพิ่มบริการตรวจ NIPT (Non-Invasive Prenatal Testing) ซึ่งเป็นการตรวจคัดกรองความผิดปกติทางพันธุกรรมของทารกในครรภ์ เข้าในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า หรือบัตรทอง
การเพิ่มบริการตรวจ NIPT นี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการคัดกรองภาวะดาวน์ซินโดรมในหญิงตั้งครรภ์ และลดความเสี่ยงจากการเจาะน้ำคร่ำ ซึ่งเป็นวิธีการตรวจที่มีความเสี่ยงสูงกว่า ปัจจุบัน สปสช. มีบริการคัดกรองภาวะดาวน์ซินโดรมและธาลัสซีเมียสำหรับหญิงตั้งครรภ์ทุกคน ทุกสิทธิการรักษาพยาบาล ภายใต้ชุดสิทธิประโยชน์การฝากครรภ์ แต่ยังไม่รวมถึงการตรวจ PGT
การที่ สปสช. พิจารณาเพิ่มบริการตรวจ NIPT แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มในการพัฒนาบริการด้านสุขภาพสำหรับหญิงตั้งครรภ์ อย่างไรก็ตาม การตรวจ PGT ซึ่งเป็นการตรวจในระดับตัวอ่อนก่อนการตั้งครรภ์ ยังไม่ได้ถูกกล่าวถึงในการพิจารณาครั้งนี้
ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ รพ. รามาธิบดี ได้ดำเนินการให้บริการการตรวจพันธุกรรมของตัวอ่อนก่อนการฝังตัว (PGT) และการตรวจคัดกรองความผิดปกติทางพันธุกรรมของทารกในครรภ์แบบไม่รุกล้ำ (NIPT) มาระยะหนึ่งแล้ว ทั้งนี้ ศูนย์ฯ ได้เตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการเป็นหน่วยบริการภายใต้ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ในกรณีที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) พิจารณาบรรจุสิทธิประโยชน์ทั้งสองรายการนี้เข้าในชุดสิทธิประโยชน์ของระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า
ศูนย์จีโนมฯ มุ่งหวังที่จะส่งเสริมการเข้าถึงบริการตรวจพันธุกรรมที่ทันสมัยสำหรับประชาชนทุกกลุ่ม โดยไม่จำกัดฐานะทางเศรษฐกิจและสังคม ทั้งนี้เพื่อสนับสนุนการมีบุตรที่มีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคู่สมรสที่ประสบปัญหาภาวะมีบุตรยากหรือมีความเสี่ยงด้านความผิดปกติทางพันธุกรรม การเตรียมความพร้อมนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของศูนย์จีโนมฯ ในการสนับสนุนนโยบายส่งเสริมการเพิ่มอัตราการเกิดของประเทศ โดยการนำเทคโนโลยีทางตรวจจีโนมทางการแพทย์ขั้นสูงมาประยุกต์ใช้อย่างทั่วถึงและเท่าเทียม ไม่ว่าจะเป็นประชาชนในเขตเมืองหรือพื้นที่ห่างไกล ทุกคนจะมีโอกาสเข้าถึงบริการทางการแพทย์ที่มีคุณภาพสูงอย่างเสมอภาค