การฉีดวัคซีนป้องกันโรค mpox (ฝีดาษวานร)
ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา (Centers for Disease Control and Prevention: CDC) และศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคแห่งยุโรป (European Centre for Disease Prevention and Control: ECDC) มีคำแนะนำเรื่องการฉีดวัคซีนป้องกันโรค mpox ที่คล้ายกันบางส่วน แต่ก็มีความแตกต่างที่สำคัญ ดังนี้:
คำแนะนำจาก CDC:
1. CDC แนะนำให้ฉีดวัคซีน JYNNEOS แก่:
- คนที่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย mpox
- คนที่มีคู่นอนเป็น mpox ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา
- ชายรักชาย คนข้ามเพศ หรือคนที่มีพฤติกรรมเสี่ยง เช่น มีคู่นอนหลายคน
- คนที่ทำงานเสี่ยงต่อการติดเชื้อ เช่น เจ้าหน้าที่ห้องแล็บ หรือบุคลากรทางการแพทย์
ประสิทธิภาพของวัคซีน JYNNEOS ในการป้องกันโรคฝีดาษวานร (monkeypox) มีความแตกต่างกันตามการศึกษาต่างๆ โดยมีการประมาณการอยู่ในช่วงตั้งแต่ 66% ถึง 89% สำหรับผู้ที่ได้รับวัคซีนครบสองเข็ม
บ่งชี้ว่าแม้ว่าวัคซีนจะให้การป้องกันที่มีนัยสำคัญ แต่ก็ไม่ได้มีประสิทธิภาพ 100% และผู้ที่ได้รับวัคซีนบางรายอาจยังติดเชื้อไวรัสได้
คำแนะนำจาก ECDC:
1. ECDC ไม่แนะนำให้ฉีดวัคซีนทุกคน แต่เน้นฉีดเฉพาะกลุ่ม:
- คนที่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยยืนยัน (ฉีดหลังสัมผัสเชื้อ)
- กลุ่มเสี่ยงสูง โดยเฉพาะผู้ชายอายุ 25-59 ปี (ฉีดก่อนสัมผัสเชื้อ)
2. ECDC แนะนำให้ปรึกษาแพทย์เรื่องวัคซีนก่อนเดินทางไปแอฟริกา เนื่องจากมีการระบาดของเชื้อสายพันธุ์ใหม่
ความแตกต่างที่สำคัญ:
1. CDC ระบุกลุ่มเป้าหมายชัดเจนกว่า เช่น ชายรักชาย คนที่มีพฤติกรรมเสี่ยง
2. ECDC ไม่ระบุกลุ่มเฉพาะ แต่เน้นคนที่มีความเสี่ยงสูงทั่วไป
3. CDC แนะนำให้ฉีดวัคซีนเป็นประจำสำหรับกลุ่มเสี่ยง
4. ECDC เน้นฉีดเฉพาะกลุ่ม แบ่งเป็นฉีดก่อนและหลังสัมผัสเชื้อ
ทั้ง CDC และ ECDC เห็นตรงกันว่า การฉีดวัคซีนเป็นส่วนสำคัญในการควบคุมโรค แต่ต้องทำควบคู่กับมาตรการอื่นๆ ด้วย เช่น การเฝ้าระวัง การติดตามผู้สัมผัสเชื้อ และการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
การป้องกันการติดเชื้อ mpox (ฝีดาษวานร) นอกเหนือจากการฉีดวัคซีน มีดังนี้:
1. หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิด: หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ที่มีผื่นที่อาจเป็น mpox รวมถึงหลีกเลี่ยงการสัมผัสผื่น แผล หรือของเหลวในร่างกายของผู้มีผื่นแผล
2. รักษาสุขอนามัย: ล้างมือด้วยสบู่และน้ำ หรือใช้เจลแอลกอฮอล์เป็นประจำ โดยเฉพาะหลังจากสัมผัสกับผู้ติดเชื้อหรือสัตว์
3. หลีกเลี่ยงการใช้สิ่งของร่วมกัน: ไม่ใช้ช้อนส้อม ที่นอน หรือเสื้อผ้าร่วมกับผู้ติดเชื้อ
4. ปฏิบัติตามหลักการบริโภคอาหารที่ปลอดภัย: หลีกเลี่ยงการบริโภคเนื้อสัตว์หรือผลิตภัณฑ์จากสัตว์ป่าที่ปรุงไม่สุก
5. มาตรการป้องกันในพื้นที่เสี่ยงสูง: ใช้อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล เช่น หน้ากากและถุงมือ เมื่อดูแลผู้ติดเชื้อหรืออยู่ในพื้นที่เสี่ยงสูง
6. หลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์: หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสัตว์ที่อาจเป็นพาหะของไวรัส โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีการระบาดของ mpox เช่น หนูและลิง
นอกจากนี้ ควรให้ผู้ติดเชื้อแยกตัวจากผู้อื่น และมีการติดตามและแจ้งเตือนผู้ที่มีความเสี่ยง การสื่อสารและการมีส่วนร่วมของชุมชนเป็นสิ่งสำคัญในการเพิ่มความตระหนักรู้และการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันเหล่านี้
หมายเหตุ
**ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์ประเสริฐ ทองเจริญ เป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการเรียกชื่อโรค "monkeypox" ในภาษาไทยว่า "ฝีดาษวานร"
เหตุผลที่ อ.ประเสริฐ เลือกใช้คำว่า "วานร" แทน "ลิง" อาจมีดังนี้:
1. ความแม่นยำทางวิชาการ: "วานร" เป็นคำที่ครอบคลุมสัตว์ในวงศ์ลิงทั้งหมด ซึ่งสอดคล้องกับความเป็นไปได้ที่ไวรัสอาจมาจากสัตว์ในกลุ่มนี้หลายชนิด ไม่จำกัดเฉพาะลิง
2. การลดการตีตรา: การใช้คำว่า "วานร" อาจช่วยลดการเชื่อมโยงโรคกับลิงโดยตรง ซึ่งอาจนำไปสู่ความเข้าใจผิดหรือการตีตราสัตว์
3. ความสอดคล้องกับภาษาวิชาการ: "วานร" เป็นคำที่ใช้ในวงการวิชาการและการแพทย์ ซึ่งให้ความรู้สึกเป็นทางการและน่าเชื่อถือมากกว่า
4. การสื่อสารที่ชัดเจน: การใช้คำที่มีความหมายเฉพาะเจาะจงในทางวิชาการช่วยให้การสื่อสารในวงการแพทย์และสาธารณสุขมีความชัดเจนมากขึ้น
อ.ประเสริฐ เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อที่มีประสบการณ์สูง การเลือกใช้คำของท่านจึงมีน้ำหนักและได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในวงการแพทย์และสื่อมวลชนไทย ทำให้คำว่า "ฝีดาษวานร" เป็นที่นิยมใช้ในการสื่อสารเกี่ยวกับโรคนี้ในประเทศไทย แต่คำว่า “ฝีดาษลิง” ก็ยังแพร่หลายเนื่องจากความสะดวกในการเรียกขาน
**ศูนย์วิจัยโรคเอดส์ สภากาชาดไทย ให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคฝีดาษวานร (เสียค่าใช้จ่าย) สำหรับประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ฉีดทั้งหมด 2 เข็ม (ครั้งละ 1 เข็ม) ห่างกันอย่างน้อย 28 วัน