องค์การอนามัยโลก (WHO) และ Medicines Patent Pool (MPP) ได้ริเริ่มโครงการสำคัญเพื่อเร่งพัฒนาวัคซีน mRNA ต้านไข้หวัดนก H5N1 ในมนุษย์ โดยมุ่งเน้นช่วยเหลือประเทศรายได้น้อยและปานกลาง (low- and middle-income countries: LMICs) โครงการนี้นำโดยบริษัท ซินเนอร์เจียม ไบโอเทค (Sinergium Biotech) จากอาร์เจนตินา มีเป้าหมายเสริมสร้างศักยภาพการผลิตในท้องถิ่นและส่งเสริมการแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีระหว่างพันธมิตร
ดร. ทีโดรส อัดฮานอม เกเบรเยซุส (Tedros Adhanom Ghebreyesus) ผู้อำนวยการใหญ่ WHO กล่าวว่า "โครงการนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเราในการเตรียมพร้อมรับมือการระบาดใหญ่ครั้งต่อไปอย่างมีประสิทธิภาพและเท่าเทียม"
โครงการซึ่งเปิดตัวเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2567 นี้ ต่อยอดจากโปรแกรมถ่ายทอดเทคโนโลยี mRNA ที่มีอยู่เดิม มุ่งพัฒนาวัคซีนต้นแบบ H5N1 และทดสอบในระดับก่อนคลินิก เมื่อได้ผลการทดลองที่น่าพอใจ จะมีการแบ่งปันความรู้และทรัพยากรให้กับพันธมิตรการผลิตอื่นๆ เพื่อเร่งกระบวนการพัฒนาและผลิตวัคซีน
ในขณะเดียวกัน หน่วยงานความมั่นคงด้านสุขภาพแห่งสหราชอาณาจักร (UKHSA) ได้ปรับการประเมินความเสี่ยงสำหรับไข้หวัดนกสายพันธุ์ H5N1 โดยเฉพาะจีโนไทป์ B3.13 ในวัวนมในสหรัฐอเมริกา จากระดับ 3 เป็นระดับ 4 บนมาตราส่วน 6 ระดับ การปรับปรุงนี้สะท้อนถึงความกังวลเกี่ยวกับการแพร่เชื้อที่ดำเนินอยู่ในสัตว์และความเป็นไปได้ที่จะเพิ่มความเสี่ยงต่อสุขภาพของมนุษย์
ระดับ 4 หมายถึงการระบาดในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมแบบต่อเนื่องและ/หรือหลายสายพันธุ์ พร้อมทั้งมีการเพิ่มจำนวนกรณีโรคติดต่อจากสัตว์สู่คนหรือการแพร่เชื้อระหว่างคนแบบจำกัด ที่เชื่อมโยงกับการสัมผัสสัตว์ สถานการณ์นี้เน้นย้ำถึงความสำคัญของโครงการพัฒนาวัคซีน mRNA ที่กำลังดำเนินการ
โครงการนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยรับมือกับภัยคุกคามจากไข้หวัดนกเท่านั้น แต่ยังเสริมความแข็งแกร่งให้กับกรอบการเตรียมพร้อมรับมือไข้หวัดใหญ่ระบาดที่มีอยู่ ส่งเสริมการแบ่งปันข้อมูลไวรัส และเพิ่มโอกาสการเข้าถึงวัคซีนสำหรับประเทศ LMICs
นอกจากนี้ ยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของการกระจายนวัตกรรมและการผลิตเทคโนโลยีทางการแพทย์ไปทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาคละตินอเมริกาและแคริบเบียน พร้อมทั้งกระตุ้นให้มีการวางแผนล่วงหน้าเพื่อการเข้าถึงและแบ่งปันความรู้ตั้งแต่ขั้นตอนการวิจัยและพัฒนา
ความสำเร็จของโปรแกรมถ่ายทอดเทคโนโลยี mRNA ที่ผ่านมา ซึ่งได้พัฒนาแพลตฟอร์มสำหรับทดสอบวัคซีนโควิด-19 ในสัตว์ทดลอง เป็นรากฐานสำคัญสำหรับการต่อยอดไปสู่การพัฒนาวัคซีนสำหรับโรคอื่นๆ ในอนาคต รวมถึงไข้หวัดนก H5N1
โครงการนี้จึงเป็นก้าวสำคัญในการสร้างความเท่าเทียมด้านสุขภาพระดับโลก เสริมความแข็งแกร่งให้ประเทศ LMICs ในการรับมือกับภัยคุกคามด้านสาธารณสุขที่กำลังเพิ่มขึ้น ผ่านการเพิ่มโอกาสการเข้าถึงวัคซีน mRNA อย่างทั่วถึง การดำเนินการนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาถึงการปรับระดับความเสี่ยงของ UKHSA ซึ่งชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นในการเฝ้าระวังและเตรียมพร้อมอย่างต่อเนื่อง