ประโยชน์ยิ่งใหญ่ของบีตาแคโรทีนในผักและผลไม้
บีตาแคโรทีน คือสารพฤกษเคมี หรือ ไฟโตนิวเทรียนท์ (Phytonutrients) ชนิดหนึ่งที่เราคุ้นเคยกันมานาน ถือเป็นโปรวิตามินเอชนิดที่แม้จะไม่สามารถดูดซึมได้ดีเหมือนวิตามินเอของแท้ แต่ก็เป็นสารที่ร่างกายสามารถแปลงให้กลายเป็นวิตามินเอได้ ทั้งยังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระในกลุ่มแคโรทีนอยด์ ที่สามารถช่วยลดปัญหาสุขภาพได้ด้วย มีประโยชน์ทั้ง
– ช่วยปกป้องผิวจากแสงแดด
– สามารถป้องกันโรคมะเร็งเต้านมและมะเร็งกระเพาะอาหาร
– ป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด
– ลดความเสี่ยงของภาวะจอประสาทตาเสื่อม
– ชะลอความเสื่อมของสมองและความจำ
อย่างที่รู้กันว่า เรามักพบบีตาแคโรทีนในผักและผลไม้ที่มีสีเหลือง สีส้ม เช่น แคร์รอต ฟักทอง มะม่วงสุก มะละกอสุก หรือแคนตาลูป แต่สิ่งหนึ่งที่หลายคนยังไม่รู้ คือ เราสามารถพบสารนี้ได้ในผักและผลไม้ที่มีสีเขียวเข้มด้วย เช่น คะน้า ตำลึง ผักบุ้ง ปวยเล้ง และบรอกโคลี เป็นต้น
แม้ไม่มีข้อกำหนดว่าเราควรได้รับบีตาแคโรทีนในปริมาณเท่าใดต่อหนึ่งวัน แต่ก็มีการศึกษาเอาไว้ว่าในแต่ละวัน เราควรได้รับโปรวิตามินเอประมาณ 6-7 มิลลิกรัมต่อวัน เทียบเท่ากับผักและผลไม้สีเหลือง สีส้ม หรือสีเขียวเข้ม ประมาณ 400 กรัมต่อวัน โดยหากเราแบ่งทาน 3 มื้อ มื้อละ 1-2 ทัพพี ก็ถือว่าเราได้รับบีตาแคโรทีนในปริมาณที่เพียงพอต่อวันแล้วล่ะ
ส่วนจะเอาไปทำเป็นเมนูอะไรบ้างนั้น บอกเลยว่าหลากหลายมาก จะต้ม ผัด สลัดก็ได้ทั้งนั้น แต่ถ้าอยากช่วยให้ร่างกายสามารถดูดซึมบีตาแคโรทีนได้ง่ายล่ะก็ ควรนำไปผ่านความร้อนเป็นระยะเวลาสั้น ๆ เนื่องจากผักเหล่านี้มักมีเปลือกที่แข็ง การโดนความร้อนจึงทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมได้ง่ายยิ่งขึ้น แล้วด้วยการที่มันเป็นโปรวิตามินเอ จึงเป็นสารที่สามารถละลายได้ดีในไขมัน ดังนั้น หากเราใส่น้ำมันที่มีคุณภาพดีสัก 1 ช้อนชา (ราว 5 กรัม) ระหว่างการประกอบอาหาร ก็จะช่วยเรื่องการดูดซึมได้ดีเช่นกัน