cover_0
หน้าแรก
ซิฟิลิส อันตรายจากการทำรักด้วยปาก (oral sex)
ซิฟิลิส อันตรายจากการทำรักด้วยปาก (oral sex)

ซิฟิลิส (syphilis) เกิดจากเชื้อแบคทีเรียทรีโพนีมา แพลลิดัม (treponema pallidum) เชื้อแบคทีเรียนี้จะอยู่ในเลือดและสารคัดหลั่งต่าง ๆ จากร่างกาย รวมถึงในน้ำลายด้วย สามารถติดต่อด้วยการสัมผัสกับสารคัดหลั่งต่าง ๆ เช่น การจูบ มีเพศสัมพันธ์แบบไม่ใส่ถุงยางอนามัย และรวมถึงการทำออรัลเซ็กซ์ ก็จะทำให้ติดเชื้อได้ หากพบเชื้อตั้งแต่เนิ่น ๆ สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่ปล่อยไว้ไม่รักษาจนถึงอาการระยะสุดท้าย เชื้อจะลุกลามไปยังระบบหัวใจและหลอดเลือดหากไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม อาจอันตรายถึงชีวิตได้

ระยะของโรคซิฟิลิส

โรคซิฟิลิสระยะที่ 1 (primary syphilis)
อาการที่จะแสดงในระยะแรกคือเกิดแผลริมแข็งเล็ก ๆ ที่อวัยวะเพศหรือทวารหนัก ผู้ป่วยอาจไม่ทันได้สังเกตหรือไม่รู้ตัว เนื่องแผลที่เกิดขึ้นไม่มีอาการเจ็บปวด

โรคซิฟิลิสระยะที่ 2 (secondary syphilis)
เป็นระยะที่เกิดผื่นขึ้นมาตามตัว ฝ่ามือ และฝ่าเท้า หรือบางครั้งอาจเกิดแผลนูนด้วย

โรคซิฟิลิสระยะแฝง (latent stage)
ซิฟิลิสระยะนี้ผู้ป่วยจะไม่แสดงอาการที่บ่งบอกว่าเป็นซิฟิลิสเลย ซึ่งอาจเป็นระยะที่แพร่เชื้อได้มากที่สุด

โรคซิฟิลิสระยะที่ 3 (tertiary stage)
เชื้อจะลุกลามไปยังระบบหัวใจและหลอดเลือด สุดท้ายจะลามไประบบประสาท ซึ่งถ้าไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม อาจอันตรายถึงชีวิตได้

ป้องกันเชื้อซิฟิลิสได้อย่างไร ?
การป้องกัน มีอย่างเดียวคือ condom condom condom ! หรือถุงยางอนามัยนั่นเองถึงเรียกว่าปลอดภัยแต่สิ่งที่สำคัญคือ ต้องใช้อย่างถูกต้องและเหมาะสม แต่ถ้าหากไม่ชอบรสชาติถุงยางอนามัย แนะนำให้ใช้ถุงยางอนามัยที่มีกลิ่นรสที่ชื่นชอบ แต่ไม่แนะนำถุงยางอนามัยที่มีปุ่ม มีหนาม เพราะจะทำให้ปากเป็นแผลได้นะครับ

คนสมัยใหม่ส่วนใหญ่ต้องเคยทำรักด้วยปาก หรือออรัลเซ็กซ์ (oral sex) มาก่อน ออรัลเซ็กซ์จึงเป็นเรื่องที่คุ้นเคย และไม่ถือว่าเป็นความผิดปกติทางจิต หากแต่คุณทั้งสองต้องยินยอมพร้อมใจทั้งสองฝ่าย ถึงแม้จะมอบความสุขสมให้กัน แต่ก็แฝงด้วยอันตรายอยู่ไม่น้อย

ซิฟิลิสเป็นหนึ่งในโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ วันนี้รามาแชนแนลจะพาทุกคนรู้จักกับโรคซิฟิลิส และการป้องกันซิฟิลิสมากขึ้น

สุดท้ายนี้ทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ควรใส่ถุงยางอนามัยทุกครั้งเพื่อป้องกันโรคที่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ นอกเหนือจากนั้นควรใช้ให้ถูกต้องและเหมาะสมด้วย

ข้อมูลโดย
ผศ. นพ.คมกฤช เอี่ยมจิรกุล
สาขาวิชาอนามัยการเจริญพันธุ์ ภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี
มหาวิทยาลัยมหิดล