“พาราเซตามอล” มีฤทธิ์ช่วยบรรเทาอาการปวดได้หลากหลาย และช่วยลดไข้ได้ดี
เป็นยาที่ใช้รักษาตามอาการ ไม่ใช่ยารักษาโรคโดยตรง และใช้ได้ “เฉพาะอาการปวดระดับอ่อนถึงปานกลาง” เท่านั้น
ได้แก่
- ปวดศีรษะธรรมดา
- ปวดข้อจากอาการเสื่อม
- ปวดกล้ามเนื้อ เคล็ด ขัด ยอก
- และลดไข้ทั่วๆไป
อาการปวดที่ยาพาราเซตามอล ไม่มีผลรักษาหรือให้ผลน้อย ได้แก่
1. อาการปวดขั้นรุนแรง เช่น อาการปวดจากแผลผ่าตัดใหญ่ อาการปวดจากโรคมะเร็ง
2. อาการปวดลักษณะไม่ปกติ เช่น ปวดแสบปวดร้อน เสียวแปลบเป็นครั้งๆ ปวดเหมือนเข็มเล็กๆ ทิ่มแทง เพราะอาการเหล่านี้เป็นอาการปวดจากเส้นประสาททำงานผิดปกติ
3. อาการปวดศีรษะเรื้อรัง เช่น ปวดไมเกรน 3-4 ครั้งต่อเดือน ปวดศีรษะจากความเครียดที่มีลักษณะอาการปวดเหมือนโดนบีบรัดมากกว่า 15 วันต่อเดือน
ปริมาณการใช้ยาพาราเซตามอลมีสัดส่วนคือ ยา 10 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม
โดยทั่วไปยาพารเซตามอลหนึ่งเม็ดจะมีตัวยา 500 มิลลิกรัม ซึ่งขนาดมาตรฐานสำหรับผู้ใหญ่ ที่ทั่วไปจะมีน้ำหนักตัวมาตรฐานประมาณ 50 กิโลกรัม หากผู้ป่วยน้ำหนักมากกว่า 70 กิโลกรัม ก็สามารถรับประทานครั้ง 2 เม็ดได้
สำหรับเด็กก็คำนวณเหมือนผู้ใหญ่ แต่จะทานยาเป็นชนิดน้ำเชื่อมแทนซึ่งฉลากจะระบุไว้ว่า 1 ช้อนชา จะได้รับยากี่มิลลิกรัม
1 วันให้เราทานยาพาราเซตามอลทุกๆ 4-6 ชั่วโมง ครั้งละไม่เกิน 2 เม็ด
มากสุดไม่เกินวันละ 6 เม็ด และไม่ควรทานติดต่อกันนนานเกิน 3-5 วัน
เพราะอาจได้รับยาเกินขนาด มีความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดภาวะ “ตับเป็นพิษ” เริ่มจากอาการเล็กๆ น้อยๆ หรือถึงขั้นตับวายเสียชีวิตได้
ยิ่งผู้ที่มีโรคประจำตัวเป็นโรคตับ ยิ่งต้องควบคุมการใช้ยานี้โดยแพทย์อย่างเข้มงวด
นี่คืออีกเหตุผลหนึ่ง ที่ทำไมเราควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในขณะที่ยังมีการใช้ยาพาราเซตามอลอยู่
การใช้ยาพาราเซตามอลเมื่อมีไข้ ยังช่วยให้เราสังเกตว่า มีโรคอย่างอื่นรุนแรงแทรกซ้อนอยู่หรือไม่ได้ด้วย
เช่น โรคไข้เลือดออก โรคไข้ไทฟอยด์ โดยการสังเกตลักษณะอาการของไข้ คือ
ไข้หวัดปกติ จะไม่มีอาการไข้ทั้งวัน และไข้จะขึ้นๆ ลงๆ เมื่อทานยาพาราเซตามอล ไข้ก็จะลดลงจนเรารู้สึกสบายตัว
แต่หากเป็นไข้เลือดออก ไข้ไทฟอยด์ จะมีอาการไข้ลอย คือไข้จะขึ้นอยู่แบบนั้นทั้งวันไม่เปลี่ยนแปลง
ฉะนั้นเมื่อทานยาพาราเซตามอลแล้วไข้ไม่ลดลงเท่าที่ควรจะเป็น ให้รีบมาพบแพทย์ เพื่อทำการวินิจฉัย โดยเฉพาะในช่วงที่มีการระบาดของโรค อย่างเช่น โรคไข้เลือดออก อย่าปล่อยไว้นาน ๆ
“พาราเซตามอล” แม้เป็นยาทั่วๆ ไป แต่หากใช้ไม่ถูกต้อง ก็ก่ออันตรายร้ายแรงกับตัวเราได้
ข้อมูลจาก
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี
มหาวิทยาลัยมหิดล