หลังจากเมื่อวานนี้เราได้รับทราบความหมาย กลุ่มเสี่ยง และสาเหตุของการเกิดโรคเอสแอลอี กันไปแล้ว ถ้างั้นอย่ารอช้า…เรามาเรียนรู้กันต่อกับเรื่องของ อาการ วิธีสังเกตอาการ และการรักษาโรคเอสแอลอี กันเลยดีกว่า
อาการและอาการแสดง
เนื่องจากเป็นโรคที่เกี่ยวกับความผิดปกติของระบบภูมิต้านทาน โรคเอสแอลอี จึงมีอาการแสดงออกได้หลากหลายขึ้นอยู่กับว่าภูมิต้านทานที่ผิดปกตินั้นไปต่อต้านหรือเป็นพิษ ต่อเนื้อเยื่อของอวัยวะส่วนใดของร่างกาย อาการอาจมีเพียงบางระบบหรือหลายระบบร่วมกัน มีตั้งแต่อาการเพียงเล็กน้อยจนรุนแรงถึงแก่ชีวิตได้ อาการของแต่ละระบบอาจแสดงออกมาในเวลาเดียวกัน หรือเกิดขึ้นในช่วงต่อมาของการดำเนินโรค อาการจึงมีระยะทุเลา ทรุดลง หรือกำเริบได้ตลอดเวลา
ตัวอย่างของอาการบางส่วนที่พบได้
- อาการทั่วไป มีไข้ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร น้ำหนักลด
- อาการทางผิวหนัง มีผื่นเฉพาะโรค เป็นรูปผีเสื้อตั้งแต่สันจมูกไปสู่โหนกแก้มผื่นวงแดงตามใบหน้า หนังศีรษะ และใบหู แผลที่เพดานปากเป็นๆ หายๆ และอาการทางผิวอื่นๆ ที่พบได้บ่อย คือ ผมร่วง ผื่นตามตัวตามเท้าทั่วไปจากการแพ้แสงแดด ปลายมือปลายเท้าซีด
- อาการทางข้อ จะมีอาการปวดข้อมากกว่าลักษณะอักเสบ มักเป็นที่ข้อ เข่า ข้อนิ้วมือ ข้อที่เหมือนกันทั้งสองข้างคล้ายการอักเสบจากรูมาตอยด์ แต่จะต่างกันตรงที่อาการทางข้อของเอส แอล อี ไม่มีอาการการกัดกร่อนของข้อ
แม้ว่าโรคเอสแอลอี จะมีอาการได้มากมาย แต่ผู้ป่วยไม่จำเป็นต้องมีอาการครบทุกระบบ ความรุนแรงของแต่ละคนไม่เท่ากัน บางคนมีอาการเพียงเล็กน้อย เช่น มีผื่น มีไข้ บางคนอาจมีอาการปวดข้ออย่างเดียว แต่บางคนมีอาการมากดังกล่าวข้างต้น
จะทราบได้อย่างไรว่าเป็นโรคนี้
แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการดังกล่าวข้างต้นร่วมกับอาการเฉพาะโรค และการตรวจทางห้องปฏิบัติการ เช่น ตรวจเลือด และเอ็กซ์เรย์ บางรายอาจต้องตัดเนื้อเยื่อไปตรวจเพื่อประกอบการวินิจฉัย
การรักษา
เนื่องจากโรคนี้ผู้ป่วยแต่ละรายมีความรุนแรงต่างกัน การรักษาจึงแตกต่างกันได้มากมายขึ้นกับอาการที่มี บางรายอาจให้เพียงยาแก้ปวดเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตามการรักษาจะเน้นการควบคุมการกำเริบของโรคให้สงบโดยเร็ว และรักษาต่อเนื่องเพื่อมิให้โรคกำเริบอีก
สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงขึ้นแพทย์จะให้ยาสเตียรอยด์ เช่น เพรดนิโซโลน ตั้งแต่ขนาดต่ำจนถึงขนาดสูงติดต่อกันเป็นเวลานานเป็นสัปดาห์ หรือหลายเดือนขึ้นอยู่กับความรุนแรงและอวัยวะที่มีการอักเสบ บางรายอาจต้องให้ยาอื่นร่วมด้วย เช่น ยารักษาโรคมะเร็งบางชนิด ยากดภูมิคุ้มกัน บางรายอาจจำเป็นต้องใช้วิธีการเปลี่ยนถ่ายเลือดร่วมในการรักษาขึ้นอยุ่กับความรุนแรง และระบบอวัยวะที่มีการอักเสบ
ในช่วง 40 ปีที่ผ่านมา ผู้ป่วยเอสแอลอี มีชีวิตยืนยาวขึ้นเพราะมียาปฏิชีวนะ และยาลดความดันโลหิตที่มีประสิทธิภาพ รวมทั้งแพทย์ พยาบาล และผู้ป่วยมีความรู้ความเข้าใจในการดูแลโรคนี้มากขึ้น
สรุปโรคเอส แอล อี หรือโรคแพ้ภูมิตัวเอง
เป็นโรคที่ยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด แต่มีปัจจัยที่กระตุ้นให้โรคกำเริบได้ แม้โรคจะยังรักษาไม่หาย แต่การปฏิบัติตัวที่ดีของผู้ป่วย การให้ความร่วมมือในการรักษา ความตั้งใจและอดทน จะสามารถควบคุมการกำเริบของโรคได้ ผู้ป่วยสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข หากท่านสงสัยว่าเป็นโรคนี้ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อได้รับการวินิจฉัยตั้งแต่ระยะแรกๆ
ข้อมูลจาก
งานการพยาบาลป้องกันโรคและส่งเสริมสุขภาพ ภาควิชาพยาบาลศาสตร์
และผศ. นพ.กิตติ โตเต็มโชคชัยการ หน่วยโรคภูมิแพ้อิมมูโนวิทยาและโรคข้อ ภาควิชาอายุรศาสตร์
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี
มหาวิทยาลัยมหิดล