โรคลมชัก เป็นโรคที่ส่งผลต่อการดำเนินชีวิตของผู้ที่เป็นโรคนี้เนื่องจากในบางคนที่อาการชักยังควบคุมได้ไม่ดีอาจเกิดอาการซึ่งบางครั้งอาจไม่รู้สติ ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ เป็นผลให้เกิดอุบัติเหตุ ซึ่งบางครั้งอาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต ในอดีตโรคลมชักไม่ได้รับความสนใจจากแพทย์นักเนื่องจากการรักษายังไม่ได้ผลดีเท่าที่ควรและผู้ป่วยส่วนใหญ่ต้องกินยาตลอดชีวิต แต่ปัจจุบันนี้การรักษาโรคลมชักได้รับการพัฒนาไปมาก มียาหลายชนิดและการรักษาหลายวิธีการที่จะช่วยในการควบคุมอาการได้ดีขึ้นหรือหายชาดได้ โดยเฉพาะโรคลมชักในเด็กที่มีโอกาสหายขาดได้จากรักษาต่อเนื่องที่ถูกต้อง จนสามารถหยุดยาได้ไม่ต้องกินยาตลอดชีวิตเช่นที่เคยเข้าใจกันมา
โรคลมชัก คืออะไร?
โรคลมชักเป็นความผิดปกติของระบบประสาทที่เกิดจากเซลล์สมองเสียการทำงานไปชั่วขณะ ทำให้แสดงอาการออกมา โดยอาการต่าง ๆ หลายลักษณะ ขึ้นอยู่กับตำแหน่งของเซลล์สมองที่มีความผิดปกติ เช่น การเสียการทำงานที่สมองด้านหน้าที่ควบคุมการเคลื่อนไหวก็จะเกิดอาการเกร็ง ชักกระตุก การเสียการทำงานที่สมองกลีบขมับก็จะส่งผลต่อพฤติกรรมอารมณ์ การเสียการทำงานที่สมองกลีบท้ายทอยก็อาจส่งผลต่อการมองเห็น ทำให้มองเห็นภาพหรือเห็นแสงบางอย่างผิดปกติไป เป็นต้น ในกรณีที่เซลล์ประสานเสียการทำงานพร้อม ๆ กันหลาย ๆ ส่วนก็อาจทำให้ผู้ป่วยสูยเสียการรับรู้สติ หรืออาจเกิดการเหม่อลอย
ความอันตรายของโรคลมชัก
โรคนี้อันตรายตรงที่อาการชักอาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อและอาจไม่มีอาการเตือน ส่วนใหญ่แล้วอาการมักไม่รุนแรงและเกิดเป็นระยะเวลาสั้น ๆ แต่บางคนอาจมีอาการรุนแรง หรือชักอาการชักเกร็งนาน ๆ รบกวนการหายใจซึ่งอาจทำให้สมองได้รับออกซิเจนน้อยลงมีผลต่อสมองในระยะยาว หรือบางคนอาจได้รับภยันตรายต่อร่างกาย เช่นที่ศีรษะ ต่อแขนขาที่ฟาดของแข็งระหว่างอาการชัก หรือเกิดอุบัติเหตุระหว่างอาการชักได้ อย่างไรก็ตามถ้ารับการรักษาต่อเนื่องและผู้ป่วยปฏิบัติตัวอย่างเหมาะสมโอกาสที่จะเกิดอาการชักซ้ำจะลดน้อยลงทำให้อันตรายที่เกิดตามมาก็จะลดน้อยลงไปด้วยเช่นกัน
การรักษาโรคลมชักในเด็ก
ปัจจุบันแพทย์ให้ความสนใจเรื่องการรักษาโรคลมชักมากขึ้น มีการพัฒนาองค์ความรู้เพื่อรักษาโรคลมชักอย่างได้ผล ในปัจจุบันมียากันชักหลายชนิดที่แพทย์สามารถเลือกใช้ในการรักษาให้เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละคน ในกรณีที่การรักษาด้วยยาไม่ได้ผลก็มีวิธีการรักษาอื่น ๆ เช่นการผ่าตัด การกำหนดอาหารที่จะช่วยลดอาการขัก โดยเฉพาะโรคลมชักในเด็กมีที่บางประเภทที่หายขาดได้เองเมื่ออายุมากขึ้นและบางประเภทที่สามารถรักษาให้หายขาดได้ด้วยการรักษาด้วยยาซึ่งแพทย์สามารถหยุดยานั้น ๆ ได้ภายหลังรับประทานเป็นระยะเวลาที่เหมาะสมผู้ป่วยจึงไม่ต้องกินยากันชักต่อเนื่องตลอดชีวิต
ข้อมูลโดย
ศ. นพ.อนันต์นิตย์ วิสุทธิพันธ์
ภาควิชากุมารเวชศาสตร์
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี
มหาวิทยาลัยมหิดล