โรคตาขี้เกียจส่งผลต่อการมองเห็นโดยตรง สามารถรักษาให้หายเป็นปกติได้ แต่ต้องได้รับการรักษาที่ทันเวลา หากปล่อยทิ้งไว้อาจส่งผลให้การมองเห็นย่ำแย่อย่างถาวร จึงควรเฝ้าสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด เพื่อการรักษาที่ทันเวลา
โรคตาขี้เกียจเกิดจาก
คุณภาพการมองเห็นของตาทั้งสองข้างไม่เท่ากัน โดยข้างใดข้างหนึ่งมีการมองเห็นในความคมชัดได้น้อยกว่าอีกข้างหนึ่งเป็นเวลานาน ส่งผลให้สมองระงับการพัฒนาของดวงตาข้างนั้นไป เพื่อทำการรับภาพจากดวงตาข้างที่ดีกว่าเพียงข้างเดียว
โรคตาขี้เกียจสามารถรักษาให้หายได้ 100% แต่ถ้าหากปล่อยทิ้งไว้นาน อาจส่งผลให้การมองเห็นย่ำแย่อย่างถาวร
สาเหตุของโรคมีทั้งหมด 4 อย่าง ได้แก่
- เด็กที่มีตาเขเข้าในภาวะเด็กแรกเกิด หากเกิดการเขเข้าข้างใดข้างหนึ่งตลอด จะส่งผลให้ตาข้างนั้นเป็นตาขี้เกียจได้ แต่ถ้าหากมีการเขเข้าสลับกันระหว่างซ้ายและขวา อัตราการเกิดตาขี้เกียจจะน้อยกว่า
- การที่เด็กมีสายตา สั้น ยาว เอียง สองข้างไม่เท่ากัน
- การที่เด็กมีสายตาสั้นกับเอียงทั้งสองข้างมากๆ มองเห็นไม่ชัดทั้งสองข้าง และอาจเกิดตาขี้เกียจทั้งสองข้าง
- มีอะไรมาบดบังการมองเห็น เช่น การมีหนังตาตกตั้งแต่แรกเกิด หรือเป็นต้อกระจกตั้งแต่เกิดและเป็นมาก
การรักษาที่ทันเวลาคือต้องได้รับการรักษาก่อนอายุ 8 ขวบ เพราะหลังจาก 8 ขวบไปจะเป็นช่วงวัยที่มีพัฒนาการเต็มที่แล้ว หากปล่อยทิ้งไว้จนเกินอายุ 8 ขวบไปแล้วจะรักษาได้ยาก
วิธีการรักษา
- ในเด็กที่มีตาเขเข้าข้างเดียว แพทย์จะทำการปิดตาข้างที่ดี เพื่อให้ดวงตาข้างที่แย่มีการใช้งานและเกิดการพัฒนา จนสามารถเห็นได้ดีทั้งสองข้างเท่ากัน แล้วจึงทำการผ่าตัดแก้ไข
- ในเด็กที่มีสายตาสั้น ยาว เอียง สองข้างไม่เท่ากัน แพทย์จะให้เด็กใส่แว่นเป็นเวลา 6 เดือน หากสายตาดีขึ้นก็ไม่ต้องปิดตา แล้วให้เด็กใส่แว่นไปเรื่อยๆ
- ในเด็กมีสายตาสั้นกับเอียงทั้งสองข้างมากๆ แพทย์จะให้เด็กใส่แว่นเช่นกัน
- ในเด็กที่มีอะไรบางอย่างมาบดบังการมองเห็น ต้องจัดการกับสิ่งที่มาบดบัง เช่น การมีหนังตาตกตั้งแต่แรกเกิด แพทย์จะทำการผ่าตัดยกหนังตาขึ้น หรือในเด็กที่เป็นต้อกระจก แพทย์จะทำการผ่าตัดรักษาต้อกระจก
ข้อมูลจาก
รศ. พญ.อาภัทรสา เล็กสกุล
สาขาวิชากล้ามเนื้อตาและโรคตาในเด็ก ภาควิชาจักษุวิทยา
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี
มหาวิทยาลัยมหิดล