เส้นประสาทหูเสื่อม
หน้าแรก
เส้นประสาทหูเสื่อม กับปัญหาการได้ยิน
เส้นประสาทหูเสื่อม กับปัญหาการได้ยิน

การได้ยินถือเป็นประสาทสัมผัสที่สำคัญของสิ่งมีชีวิตโดยเฉพาะมนุษย์ หากขาดหายไปจะทำให้การดำเนินชีวิตประจำวันนั้นทำได้ยากขึ้น ปัญหาการได้ยินนั้นมีหลายอย่าง เช่น เส้นประสาทหูที่เสื่อมสภาพ บางรายเสื่อมลงตามอายุขัย แต่บางรายเสื่อมเพราะพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม อย่างอุปกรณ์หูฟังที่ถูกใช้กันอย่างแพร่หลาย ก็มีส่วนที่ทำให้ประสาทหูเสื่อมได้เช่นกัน เราควรหันมาให้ความสำคัญและปรับพฤติกรรมให้เหมาะสม เพื่อจะช่วยรักษาสุขภาพหูให้อยู่กับเราไปนานๆ

โรคเส้นประสาทหูเสื่อม

ที่ทำให้การได้ยินของคนเรานั้นถดถอยลง เป็นไปได้ทั้งอาการเสื่อมตามวัย และเสื่อมตามพฤติกรรมหรือสิ่งแวดล้อมในชีวิตประจำวัน อาการเสื่อมตามวัยมักจะเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยหูจะได้ยินลดลงทีละน้อย รวมถึงมีเสียงวี้ดในหู เสียงที่ได้ยินมักเป็นเสียงที่มีความถี่สูง

โดยปกติเสียงที่ควรได้ยินไม่ควรดังเกิน 80 เดซิเบลและนานต่อเนื่องเกิน 8 ชั่วโมงต่อวัน

ซึ่งปกติคนที่ทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมที่มีเสียงดัง มีสิทธิสูงต่อการป่วยเป็นโรคเส้นประสาทหูเสื่อม ซึ่งจะเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป เหมือนคนที่เกิดอาการตามวัย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็มีกฏหมายควบคุมโรงงานในเรื่องของเสียงกำหนดอยู่หากเสียงดังเกิน 80 เดซิเบล ระยะเวลาในการได้รับฟังต่อเนื่องก็จะต้องลดลงให้น้อยกว่า 8 ชั่วโมงต่อวัน ที่สำคัญตามโรงงานจะมีอุปกรณ์ครอบหูให้พนักงานใช้ แต่ปัญหาคือพนักงานจะไม่ค่อยชอบใช้อุปกรณ์นี้ เนื่องจากไม่รู้สึกว่าตนเองได้รับผลกระทบในตอนต้น แต่ความจริงแล้วการกระทำแบบนี้จะส่งผลในภายหลัง โดยเสียงที่ดังในโรงงานจะค่อยๆ ทำลายเส้นประสาทหูลงไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเสื่อมและส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตในที่สุด

บางกรณีถ้าหากไม่ได้ค่อยเป็นค่อยไป หรือสูญเสียการรับฟังแบบเฉียบพลัน

อาจเกิดจากการได้ยินเสียงที่ดังมากๆ เช่น ระเบิด เป็นเสียงดังทีเดียวแต่ก็สามารถทำให้สูญเสียการได้ยินได้ในทันที เพราะเส้นประสาทได้ถูกทำลายไปแล้ว อาการหูดับไปเลย คนไข้จะได้ยินเสียงวี้ด แล้วไม่ได้ยินอะไรอีก อาการนี้เป็นแบบเฉียบพลัน เนื่องจากเสียงที่ดังเกินไป ทำให้เกิดการสั่นสะเทือนที่รุนแรง ส่งผลให้เซลล์ถูกทำลาย ซึ่งส่วนใหญ่จะตกที่ความถี่สูง แต่อาการแบบนี้จะสามารถรักษาได้ถ้าหากคนไข้มารับเข้าการรักษาได้อย่างทันท่วงที โดยต้องรีบพบแพทย์ให้เร็วที่สุด ยิ่งเร็วเท่าไรโอกาสที่จะกลับมาได้ยินเหมือนเดิมยิ่งสูงมากเท่านั้น

นอกจากนี้อาการเส้นประสาทหูเสื่อม ยังมีปัจจัยอื่นอีกมากมาย

อย่างในกรณีที่ได้ยินบ่อยก็คือน้ำในหูไม่เท่ากัน เกิดจากสาเหตุของท่อน้ำในหูชั้นในโป่งและแตก สาเหตุที่ท่อน้ำนี้โป่งขึ้น อาจมาจากการทานเค็ม หรือมีการผลิตน้ำมากเกินไป หรือมีการดูดซึมของน้ำที่น้อย ทำให้ท่อโป่งและเมื่อโป่งมากๆ จะทำให้แตก ทำให้เกิดภาวะไม่เท่ากันของเกลือแร่ เมื่อไม่เท่ากัน เส้นประสาทหูจะรับการได้ยินที่ไม่ดีในที่สุด

โดยส่วนมากอาการที่เกิดจากน้ำในหูไม่เท่ากัน จะมีอาการวิงเวียนบ้านหมุนตามมาด้วย ซึ่งจะเกิดขึ้นประมาณ 20 นาทีหรือนานเป็นชั่วโมง อาการน้ำในหูไม่เท่ากันนั้นแตกต่างจากผู้ที่เกิดขึ้นตามวัย เพราะมันตกที่ความถี่ต่ำก่อน คนไข้อาจรู้สึกว่าเสียงในหูดังเป็นเสียงต่ำๆ ที่ความถี่ต่ำ และร่างกายจะมีการซ่อมแซมในส่วนที่แตก เมื่อซ่อมแซมเสร็จแล้วจะกลับมาได้ยินปกติ คนที่เป็นโรคนี้มักจะเดี๋ยวเป็นเดี๋ยวหายสลับกัน

นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่นอีกมากส่งผลต่อการเสื่อมของเส้นประสาท อย่างเช่น

เนื้องอกของเส้นประสาท และมีอาการแบบค่อยเป็นค่อยไป และมักจะเกิดขึ้นเพียงข้างเดียว ถ้าหากใครที่รู้สึกว่าไม่ค่อยได้ยินและเป็นเพียงข้างเดียว ทั้งที่ไม่มีปัจจัยอื่นเกี่ยวข้องเลย ให้รีบพบแพทย์จะดีที่สุด เพราะทางการแพทย์จะมีวิธีตรวจว่าเป็นส่วนของเนื้องอกในสมอง หรือเส้นประสาทที่มันลึกเข้าไปหรือไม่

วิธีการสังเกตตัวเองเกี่ยวกับโรคเส้นประสาทหูเสื่อม

คือถ้าหากใครที่รู้สึกผิดปกติในการได้ยิน หรือได้ยินลดลง ให้รีบพบแพทย์ โดยไปพบตั้งแต่รู้สึกว่าเริ่มมีอาการ อย่ารอให้เรื้อรัง เพราะการรักษาตั้งแต่ต้นจะช่วยให้รักษาได้ผลดีกว่าทิ้งไว้นานๆ

สำหรับกลุ่มเสี่ยงต่อการเป็นโรค ได้แก่

กลุ่มผู้สูงอายุ ที่เส้นประสาทเสื่อมตามวัย และกลุ่มที่ทำงานในโรงงาน ซึ่งมีสิ่งแวดล้อมเป็นปัจจัยหลัก รวมถึงกลุ่มคนที่ทำงานในสถานที่เที่ยวกลางคืน โดยสถานที่เหล่านี้มีความดังอยู่ที่ 100-120 เดซิเบล คนที่ทำงานในสถานที่ดังกล่าวจะต้องได้รับความดังที่เกินมาตรฐานต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานโดยเฉลี่ย 7 ชั่วโมงเป็นอย่างต่ำ จึงจัดเป็นอีกหนึ่งกลุ่มเสี่ยง และกลุ่มผู้ใช้หูฟังเป็นประจำ คนกลุ่มนี้มักรู้สึกคุ้นชินกับการฟังเสียงที่ดัง และรู้สึกว่ามันไม่ดัง ซึ่งความจริงแล้วค่อนข้างดัง และส่งผลให้ประสาทหูเสื่อมได้เช่นกัน โดยในส่วนนี้จะเกิดจากพฤติกรรมของตนเอง

โดยทั่วไปแล้วผู้ที่มีเส้นประสาทหูปกติดี จะสามารถได้ยินเสียงที่ระดับ 25 เดซิเบล แต่ถ้าหากต้องใช้เสียงที่ดังมากกว่านี้จึงจะได้ยิน นั่นแสดงว่าเส้นประสาทหูเริ่มเสื่อม และถ้าหากต้องใช้ระดับเสียงที่ดังมากถึง 40 เดซิเบล จึงจะได้ยิน แบบนั้นจัดเป็นผู้พิการที่ต้องใช้เครื่องช่วยฟัง ซึ่งเป็นเครื่องช่วยขยายเสียง

 

ข้อมูลจาก
อ. พญ.นวรัตน์ อภิรักษ์กิตติกุล ภาควิชาโสต ศอ นาสิกวิทยา
และอ.นพ. ธเนศ แก่นสาร ภาควิชาเวชศาสตร์ครอบครัว
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี
มหาวิทยาลัยมหิดล


คลิกชมคลิปรายการ “รายการพบหมอรามา | ลัดคิวหมอ เส้นประสาทหูเสื่อม” ได้ที่นี่

บทความที่เกี่ยวข้อง

บทความเรื่อง โรคคางทูม เกิดจาก การใช้ หลอดดูดน้ำ เดียวกัน จริงหรือ ? มีโอกาสติดโรคได้เนื่องจากสารคัดหลั่งของผู้ป่วยที่มีเชื้อบนหลอดสามารถแพร่เชื้อได้
โรคคางทูม เกิดจากการใช้หลอดดูดน้ำเดียวกัน จริงหรือ ? มีโอกาสติดโรคได้เนื่องจากสารคัดหลั่งของผู้ป่วยที่มีเชื้อบนหลอดสามารถแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่นได้
บทความสุขภาพ
17-04-2024

1

บทความเรื่อง ยาระบาย แก้ท้องผูก ได้จริงหรือไม่ ? ยาระบายจะเข้าไปช่วยให้การขับถ่ายให้กลับมาเป็นปกติ ดังนั้นยาระบายช่วยให้อาการ ท้องผูก หายได้เบื้องต้น
ยาระบาย แก้ท้องผูกได้จริงหรือไม่ ? ยาระบายจะเข้าไปช่วยให้การขับถ่ายให้กลับมาเป็นปกติ ดังนั้น ยาระบายช่วยให้อาการท้องผูกหายได้เบื้องต้นเท่านั้น
บทความสุขภาพ
11-04-2024

1

บทความเรื่อง โรคสะเก็ดเงิน เป็นโรค ผิวหนังอักเสบ เรื้อรังชนิดหนึ่ง ส่วนใหญ่มักจะมีอาการคัน ผิวหนังแดง มีขุยหนา แล้วโรค สะเก็ดเงิน รักษา อย่างไรได้บ้าง ?
โรคสะเก็ดเงิน เป็นโรคผิวหนังอักเสบเรื้อรังชนิดหนึ่ง ส่วนใหญ่มักจะมีอาการคัน ผิวหนังแดง มีขุยหนา แล้วโรคสะเก็ดเงินรักษาอย่างไรได้บ้าง ?
บทความสุขภาพ
10-04-2024

8

บทความเรื่อง ปวดขมับ หรือท้ายทอย คือสัญญาณเตือน โรคไต ! จริงหรือไม่ ? ปวดศีรษะ บริเวณขมับหรือท้ายทอยอาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคไตได้มาสังเกตอาการกันว่าแบบนี้จะเข้าข่ายหรือไม่แล้วเมื่อเป็น โรคไต อาการ จะเป็นอย่างไร ?
อาการปวดศีรษะที่ต้องเฝ้าระวัง หากมีอาการปวดบริเวณขมับหรือท้ายทอยอาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคไตได้ มาสังเกตอาการกันว่าเมื่อปวดขมับหรือท้ายทอยแบบนี้จะเข้าข่ายเป็นโรคไตหรือไม่ !
บทความสุขภาพ
05-04-2024

5