เชื่อว่าสาวไทยหลายๆ คน อยากจะมีผิวที่ขาวสวยเหมือนสาวเกาหลี สาวญี่ปุ่น ซึ่งปัจจุบันก็มีหลากหลายวิธีที่จะทำให้ผิวขาวได้อย่างปลอดภัย ด้วยวิธีทางการแพทย์หรือวิธีทางธรรมชาติ แต่มักจะไม่ทันใจ สาวๆ เลยหันไปพึ่งทางลัดสูตรขาวไว ด้วยการทานยาอันตรายต่างๆ ซึ่งเป็นทางลัดที่มีอันตรายรออยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว วันนี้เรามาทำความรู้จักกับยาทรานซามิน (Transamin) ที่ว่ากันว่าจะมาแทน กลูต้าไธโอน(Glutathione) กัน ว่าทำให้ผิวขาวได้จริงหรือไม่? งานนี้กลูต้าต้องหลบให้ทรานซามินหรือปล่าวน้า…
ทรานซามิน (Transamin) คือยาอะไร?
ทรานซามิน (Transamin®) เป็นชื่อการค้าของยา Tranexamic Acid ซึ่งมีฤทธิ์ในการห้ามเลือด ในประเทศไทยขึ้นทะเบียนเป็นยารักษาผู้ป่วยโรคเลือดไหลหยุดยากหรือเลือดออกมากผิดปกติ
ทรานซามิน (Transamin®) ทำให้ผิวขาวขึ้นจริงหรือไม่?
ทรานซามิน (Transamin®) ยังไม่มีการศึกษาในคนว่าทำให้ผิวขาวขึ้น การศึกษาในสัตว์ทดลอง โดยการทาบนผิวหนังและส่องด้วยแสงยูวีชนิดบีไม่พบว่าทำให้เม็ดสี (เมลานิน) ลดลงเมื่อเทียบกับยาหลอก การศึกษาในคนทำเฉพาะในการรักษาฝ้าด้วยการฉีดยาเข้าผิวหนังบริเวณที่เป็นฝ้า แต่การวัดผลใช้ความพอใจของคนที่มาทดลอง โดยไม่มีการใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์อื่นๆ ตรวจวัด
นอกจากนี้มีการใช้ยารับประทานในการรักษาฝ้าเช่นกัน แต่จำนวนคนที่เข้ามาทดสอบมีจำนวนน้อย จึงไม่อาจสรุปได้ว่ายามีผลในการรักษาฝ้าจริง
ดังนั้น ควรมีการศึกษาถึงผลดีในการรักษาฝ้าเพิ่มเติมขึ้นอีก รวมถึงการศึกษาว่าทำให้คนมีผิวขาวขึ้น ซึ่งในปัจจุบันไม่มีการศึกษาเลย
ผลเสียจากการรับประทาน ทรานซามิน (Transamin®) มีหรือไม่?
ประโยชน์ของ ทรานซามิน (Transamin®) ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ว่าได้ผลทำให้ผิวขาวได้จริง ในทางกลับกัน มีรายงานผลเสียจากการใช้ยา ทรานซามิน (Transamin®) หลายประการ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความกลัวถึงผลที่ยาทำให้เลือดเกิดเป็นลิ่มเลือดในร่างกาย ซึ่งอาจลอยไปตามกระแสเลือดและอุดตันเส้นเลือดต่างๆ ของอวัยวะสำคัญ เช่น หากอุดตันที่เส้นเลือดในสมอง จะทำให้เกิดอัมพาตหรือเสียชีวิต, หากอุดตันที่ปอด จะทำให้หายใจไม่ออกและเสียชีวิต, หากอุดตันที่ตาหรือไต ก็ส่งผลให้เสียชีวิตได้เช่นกัน
นอกจากนี้ คนที่ใช้ยานี้ 5 คนจะมีได้ถึง 1 คนที่เกิดอาการปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย เลือดจาง ปวดหัว อ่อนเพลีย และไม่มีแรงได้
สรุปว่า?
เราไม่ควรซื้อยา ทรานซามิน (Transamin®) มารับประทานเพื่อหวังผลให้ผิวขาวขึ้น เนื่องจากยังไม่มีการศึกษาในคนว่าทำให้มีผิวขาวขึ้น ยกเว้นการรักษาฝ้าซึ่งก็ยังมีการศึกษาน้อยและยังสรุปผลไม่ได้ชัดเจน นอกจากนี้ ยังต้องระมัดระวังผลของยาที่อาจทำให้เกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันในสมอง หรือ ปอด ส่งผลให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้
ข้อมูลจาก
ภก. ผศ. ดร.ปรีชา มนทกานติกุล
ภาควิชาเภสัชกรรม
คณะเภสัชศาสตร์
มหาวิทยาลัยมหิดล