ระดับการได้ยิน สามารถตรวจได้เพื่อทดสอบความสามารถในการได้ยินของแต่ละบุคคล มีความสำคัญกับการใช้ชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะในเรื่องของการสื่อสาร และการสูญเสียการได้ยินนั้นสามารถเกิดขึ้นได้ทุกช่วงวัย ทั้งวัยเด็ก วัยผู้ใหญ่ และวัยสูงอายุ ดังนั้นการตรวจการได้ยินเป็นเรื่องที่สำคัญในระดับหนึ่ง เพื่อป้องกันและรักษาการสูญเสียการได้ยินที่จะเกิดขึ้นหรือเกิดขึ้นแล้วในเบื้องต้น
ความสำคัญของการได้ยิน
การได้ยินมีความสำคัญในเรื่องของการสื่อสารโดยตรง หากมีความผิดปกติเกิดขึ้น จะทำให้การสื่อสารเป็นไปอย่างยากลำบาก โดยการการสูญเสียการได้ยินสามารถเกิดได้กับทุกช่วงอายุ หากเกิดในวัยเด็ก จะทำให้มีปัญหาในเรื่องของพัฒนาการด้านภาษาและการได้ยิน ส่งผลให้การพูดล่าช้า หากเกิดในวัยทำงาน จะกระทบต่อคุณภาพชีวิต การทำงาน และความมั่นใจในการทำงาน รวมถึงสภาวะจิตใจ อารมณ์ ความรู้สึก ฯลฯ
การตรวจสมรรถภาพการได้ยิน
การตรวจสมรรถภาพการได้ยิน เป็นการตรวจการทำงานของหูและระบบโสตประสาท เพื่อประเมินหาระดับการได้ยินเสียงของบุคคลอย่างละเอียด เพื่อให้ทราบถึงระดับความรุนแรงของการสูญเสียการได้ยิน และวินิจฉัยความผิดปกติของระบบการได้ยิน โดยผู้ที่มีการได้ยิน “ปกติ” จะมีระดับที่เริ่มได้ยินเสียงอยู่ระหว่าง -10 ถึง 25 เดซิเบล หากมากกว่า 25 เดซิเบล ถือว่ามีความผิดปกติของการได้ยิน
สังเกตเบื้องต้นว่ามีการได้ยินที่ผิดปกติ
- หากบุคคลนั้นเรียกแล้วไม่ได้ยิน ฟังคำพูดไม่ชัดเจนต้องถามซ้ำ
- ความถี่เกี่ยวกับหู เช่น หูอื้อบ่อย มีเสียงรบกวนในหูบ่อย เป็นต้น
- บาดเจ็บบริเวณหูและศีรษะ ร่วมกับมีการสูญเสียการได้ยิน
- ตรวจก่อน/หลังการผ่าตัด หรือการใช้ยากลุ่มที่อาจทำลายประสาทหู
- ได้รับการกระทบกระเทือนจากเสียงดัง หรือทำงานในที่ที่มีเสียงดัง
- มีประวัติหูตึง หูหนวกในครอบครัว สาเหตุจากกรรมพันธุ์
- ผู้ที่ต้องการใส่เครื่องช่วยฟัง
- เด็กที่พูดช้า พูดผิดปกติ ไม่ตอบสนองต่อเสียง หรือมีปัญหาการเรียนรู้
ผู้ที่ควรตรวจการได้ยิน
เด็ก
- มีความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับหูและการได้ยิน เช่น เป็นหวัดเรื้อรัง ปวดหู หูอื้อ
- พัฒนาการทางภาษาและการพูดไม่สมวัย
- เด็กที่มีความเสี่ยงต่อการสูญเสียการได้ยิน เช่น คลอดก่อนกำหนด มีภาวะตัวเขียวหรือตัวเหลือง
ผู้ใหญ่
- มีความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับหูและการได้ยิน เช่น ปวดหู หูอื้อ มีเสียงรบกวนในหู
- บุคคลที่มีความเสี่ยงต่อการสูญเสียการได้ยิน เช่น ทำงานในที่ที่มีเสียงดัง กินยาบางชนิด
- ผู้สูงอายุ
วิธีการตรวจการได้ยิน
แบ่งออกเป็น ตรวจเพื่อคัดกรอง และเพื่อวินิจฉัย
- วิธีตรวจเพื่อคัดกรอง ใช้ส้อมเสียงเคาะถามคนไข้เพื่อทดสอบการได้ยิน หรืออาจเว้นระยะ 1 เมตร แล้วเรียกถามคนไข้ 5 คำ แล้วทดสอบว่าได้ยินครบหรือไม่
- วิธีตรวจเพื่อวินิจฉัย ใช้เสียงบริสุทธิ์ และใช้คำพูด โดยจะค่อย ๆ ลดระดับความดังลงทีละระดับ แล้วให้คนไข้ตอบสนอง
ขั้นตอนการตรวจการได้ยิน
- ให้คนไข้ฟังเสียง และให้คนไข้ตอบสนองด้วยการยกมือ
- ค่อย ๆ ลดระดับเสียงลงเรื่อย ๆ
- หาเสียงที่เบาที่สุดที่คนไข้สามารถตอบสนองได้
หากตรวจแล้วพบว่ามีความผิดปกติ จะทำการส่งตัวคนไข้ไปยังผู้เชี่ยวชาญเพื่อทำการรักษาต่อไป อาจรักษาด้วยยาหรือการผ่าตัดขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของอาการ หากไม่สามารถรักษาได้ จะทำการส่งตัวคนไข้กลับไปที่นักแก้ไขทางการได้ยิน เพื่อวินิจฉัยต่อว่าจะช่วยเหลือได้อย่างไรบ้าง เพื่อให้คุณภาพชีวิตของคนไข้ดีขึ้น เช่น การใช้เครื่องช่วยฟัง เป็นต้น
ข้อมูลโดย
อ.สุวิมล รื่นเจริญ
หัวหน้าสาขาแก้ไขการได้ยิน
ภาควิชาวิทยาศาสตร์สื่อความหมาย และความผิดปกติของการสื่อความหมาย
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี
มหาวิทยาลัยมหิดล