การเป็นคุณพ่อ คุณแม่ ที่เป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูกในปัจจุบันนั้น ถือว่าไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แล้ว ด้วยวิถีชีวิตคนเราในปัจจุบันที่ต้องทำงานทั้งผู้ชายและผู้หญิงแข่งกับเวลาที่เร่งรีบ ทำให้ไม่มีเวลามากพอที่จะเลี้ยงดูลูกอย่างเต็มประสิทธิภาพ
วันนี้เรามารีเช็คกันว่า เรามีทัศนคติการเลี้ยงดูลูกของเราอย่างไร หากพบข้อบกพร่องจะได้หาทางแก้ไขได้อย่างทันท่วงที ดังนี้
1. ประเภทรักมากและปกป้องมากเกินไป คือ
การให้ความรักแก่ลูกมากมาย ทะนุถนอมมากเกินไปปฏิบัติดูแลลูกเหมือนเป็นเด็กเล็กๆทั้งๆที่ลูกก็โตแล้ว พ่อแม่ก็ยังประคบประหงมเหมือนไข่ในหินไม่ยอมให้ห่างสายตา ไม่ยอมให้ทำอะไรเลยเพราะกลัวจะเป็นอันตราย ลูกไม่ต้องคิดหรือตัดสินใจทำอะไรเลย พ่อแม่จะเป็นคนจัดการให้หมด
การเลี้ยงดูลูกแบบนี้ ทำให้ทักษะในการช่วยเหลือตัวเองช้า การที่จะพัฒนาไปเป็นผู้ใหญ่ที่มีความมั่นใจในตัวเองมีน้อยมาก เพราะไม่เคยตัดสินใจอะไรด้วยตัวเองเลย ทำให้เป็นผู้ใหญ่ที่มีลักษณะเหมือนเด็กคือเลี้ยงเท่าไรก็ไม่รู้จักโต
2. ประเภทที่ไม่ต้องการลูก
พ่อแม่ที่มีทัศนคติแบบนี้ก็จะไม่รักลูกและพาลเกลียดลูก ซึ่งอาจเนื่องมาจากการมีลูกทำให้พ่อแม่ต้องลำบากยิ่งขึ้นอีกหรือขณะแม่ตั้งครรภ์มี อาการไม่สบายมากทำงานไม่ได้ ทำให้รู้สึกว่าลูกคนนี้นำความทุกข์มาให้โดยอาจจะ เกิดตั้งแต่ระยะตั้งครรภ์หรือเกิดภายหลังคลอดลูกแล้วก็ได้ พ่อแม่ก็ซักทอดว่าเป็น เพราะลูกคนนี้ทำให้ครอบครัวต้องลำบาก นอกจากนี้พ่อหรือแม่อาจจะเกลียดลูก ซึ่งตนโทษว่าเป็นเหตุให้แม่หรือพ่อบังเอิญมาตายระหว่างตั้งครรภ์หรือการคลอด ลูกคนนั้น
พ่อแม่ที่มีความรู้สึกเช่นนี้ก็จะปฏิบัติต่อลูกด้วยความรุนแรง ทั้งวาจา พฤติกรรม และสีหน้า และไม่สนใจลูก ทำให้ลูกพัฒนาไปเป็นเด็กที่กระด้าง ก้าวร้าว ชอบทะเลาะวิวาท หงุดหงิด และมีลักษณะต่อต้านสังคม อาจจะเกิดปัญหาสุขภาพจิต ติดยาเสพติด ติดเหล้า ติดการพนัน ลักขโมยเป็นต้น
3. ประเภทตามใจมากจนไม่มีขอบเขต
พ่อแม่มักจะตามใจลูกทุกอย่าง โดยเฉพาะ ทางวัตถุ ลูกจะได้ทุกอย่างตามที่เขาต้องการเท่าที่ฐานะทางเศรษฐกิจ ของพ่อแม่จะ อำนวย และไม่รู้จักอบรมลูกว่าสิ่งใดผิดสิ่งใดถูก อะไรควรอะไรไม่ควรปฏิบัติ ปล่อยให้ลูกทำตามใจตัวเองตามความพอใจ
ผลเสียก็คือเมื่อลูกออกสู่สังคมนอกบ้าน ก็จะอยู่ร่วมกันกับผู้อื่นได้ยาก ทำให้เกิดปัญหาในการปรับตัว เอาแต่ใจตัวเองและ ขาดความอดทน มีสัมพันธภาพกับบุคคลอื่นที่ไม่ราบรื่น อันจะเป็นสาเหตุให้เกิดปัญหาอื่นๆตามมาอีกมากมาย
4. ประเภทวิตกกังวลหวาดกลัวมากเกินกว่าเหตุ
พ่อแม่มักจะตีตนไปก่อนไข้ แสดงความวิตกกังวล ในตัวลูกมากเกินกว่าเหตุ เช่นกลัวว่าลูกจะได้รับอุบัติเหตุ ลูกจะถูกหลอกไป ไม่ค่อยยอม ให้ออกไปเที่ยวข้างนอกกลัวโดนแดดหรือกร่ำฝนจะไม่สบาย เวลาลูกไม่สบายเจ็บป่วยเพียงเล็กน้อยก็แสดงความวิตกกังวลมาก ย้ำถามย้ำปฏิบัติต่อลูก จนทำให้เด็กพลอยวิตกกังวลไปด้วย
การเลี้ยงลูกแบบนี้จะทำให้ลูกเติบโตเป็นเด็กที่มีแต่ความวิตกกังวล หวาดกลัวห่วงใยในเหตุการณ์ต่างๆจนไม่มีความสุขและขาดความเชื่อมั่นในตัวเอง
5. ประเภทเจ้าระเบียบจัด
พ่อแม่แบบนี้จะเป็นคนระเบียบจัดต้องการให้ทุกอย่าง เรียบร้อย เป็นระเบียบถูกต้อง ทุกอย่างไม่รู้จักผ่อนปรนให้ ต้องคอยชี้แจงซ้ำซาก ตลอดเวลา ถ้าลูกทำไม่ได้ดังใจก็จะโกรธและตำหนิรุนแรงและคอยจุกจิกจู้จี้กับลูก แม้ในเรื่องเล็กๆน้อยๆ
การเลี้ยงลูกแบบนี้จะทำให้เด็กพัฒนาไปเป็นเด็กที่เต็มไปด้วยความผิดหวัง และมีปมด้อย เพราะรู้สึกว่าตัวเองไม่มีอะไรดี ไม่มีความสามารถเพราะทำอะไรไม่เคยถูกใจพ่อแม่เลย
หากทราบเช่นนี้แล้วก็อย่าลืมเช็คกับตัวเองว่าเราเข้าข่ายข้อใดข้อหนึ่งหรือไม่ และร่วมหาทางแก้ไขเพื่อให้ครอบครัวได้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขและไม่มีปัญหาในอนาคต
ข้อมูลจาก
เว็บไซต์ภาควิชาจิตเวชศาสตร์
โรงพยาบาลรามาธิบดี
มหาวิทยาลัยมหิดล