อ.พญ.นวรัตน์ อภิรักษ์กิตติกุล ภาควิชาโสต ศอ นาสิกวิทยา คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาอุบัติการณ์ของโรคภูมิแพ้เพิ่มขึ้นจากเดิมมากอย่างน้อยๆ 3-4 เท่า
สาเหตุที่สำคัญส่วนใหญ่มาจาก
สิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนไป อากาศแปรปรวน ฝุ่นควัน การเลี้ยงสัตว์เลี้ยง และในเรื่องของพันธุกรรม อีกอย่างหนึ่งคือวิวัฒนาการการแพทย์ดีขึ้น คนมาพบแพทย์ได้ง่ายจึงทำให้เราตรวจพบโรคภูมิแพ้ได้มากขึ้น โรคภูมิแพ้นั้นรักษาไม่หายขาด แต่สามารถรักษาให้ดีขึ้นได้
ภูมิแพ้หลักๆ แบ่งออกเป็น 5 ระบบ
- ภูมิแพ้ตา (Eye Allergy) มีอาการคันตา น้ำตาไหล ขยี้ตาตลอดเวลา
- โรคภูมิแพ้ทางเดินหายใจ (Asthma) ได้แก่ โรคหืด
- โรคภูมิแพ้ทางผิวหนัง (Allergic Skin Disease) ได้แก่ ลมพิษ
- โรคโพรงจมูกอักเสบจากภูมิแพ้หรือโรคแพ้อากาศ (Allergic Rhinitis) ได้แก่ อาการคัดจาม น้ำมูกไหล
- โรคภูมิแพ้ชนิดรุนแรงที่มีอาการหลายระบบ (Anaphylaxis) คือ เป็นหลายๆ ระบบรวมกัน หรืออาการแพ้ยา
ปัจจุบันเราสามารถทดสอบภูมิแพ้ได้โดยการ ทดสอบทางผิวหนัง การทดสอบจากผลเลือด
- การทดสอบทางผิวหนังนั้นแพทย์จะใช้เข็มสะกิดเล็กๆ และนำสารที่คนส่วนใหญ่แพ้มาทดสอบตรงบริเวณนั้นดู และดูเทียบกับสารที่เป็นน้ำเกลือ ก็จะทราบได้ว่าเราแพ้อะไรบ้าง
- ส่วนการเจาะเลือดก็นำไปตรวจว่าสัมพันธ์กับโรคอะไรบ้างได้เหมือนกัน
การทดสอบภูมิแพ้แบบนี้จำเป็นหรือไม่
ก็ต้องตอบว่าสามารถทำได้ แต่แพทย์จะแนะนำวิธีการรักษาด้วยยาหรือการป้องกันก่อนเป็นอย่างแรก แต่หากคนไข้ไม่ตอบสนองเท่าที่ควรแพทย์ก็จะใช้วิธีการทดสอบวินิจฉัยนี้ในการรักษาโรคภูมิแพ้ต่อไป
ข้อมูลจาก
อ. พญ.นวรัตน์ อภิรักษ์กิตติกุล
ภาควิชาโสต ศอ นาสิกวิทยา
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี
มหาวิทยาลัยมหิดล
คลิกชมคลิปรายการ “รายการพบหมอรามา | Big Story คนไทยป่วยโรคภูมิแพ้ 3-4 เท่า” ได้ที่นี่
YouTube: https://youtu.be/9aXpGUvermo