การ ขี้ลืม เป็นเรื่องปกติที่คนเรามักจะเป็นอยู่บ่อยครั้งในชีวิตประจำวัน แต่เมื่ออาการลืมเริ่มมีผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตและการทำงาน เราอาจจะเริ่มกังวลว่ามันเป็นสัญญาณเตือนของการเกิดภาวะสมองเสื่อมหรือไม่ ในบทความนี้จะพาไปทำความเข้าใจถึงความแตกต่างระหว่างอาการหลงลืมทั่วไปกับ ภาวะสมองเสื่อม เพื่อให้เข้าใจและสามารถจัดการกับอาการในแต่ละกรณีได้อย่างเหมาะสม
ความแตกต่างระหว่าง อาการ ขี้ลืม กับ ภาวะสมองเสื่อม
อาการขี้ลืมทั่วไป อาการขี้ลืมทั่วไปมักเกิดขึ้นในช่วงวัยผู้ใหญ่และไม่มีผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ ซึ่งอาการนี้อาจเป็นผลจากการมีสภาวะเครียด วิตกกังวล หรือมีภารกิจยุ่งเหยิงในชีวิตประจำวันที่จำเป็นต้องใช้สมาธิและความตั้งใจในการจดจำมากกว่าปกติ อาการขี้ลืมทั่วไปมักเป็นเรื่องของการลืมรายละเอียดเล็ก ๆ ไม่สำคัญในชีวิตประจำวัน เช่น การลืมสิ่งของว่าวางไว้ที่ไหน การลืมเบอร์โทรศัพท์ที่ไม่ได้ใช้บ่อย ๆ หรือการลืมการนัดหมายที่ไม่สำคัญ
ภาวะสมองเสื่อม ภาวะสมองเสื่อมเป็นภาวะที่มีอาการลืมเป็นมากขึ้นจนมีผลต่อการใช้ชีวิตของผู้สูงอายุ ทำให้ผู้สูงอายุเกิดภาวะพึ่งพิงผู้ดูแลหรือสมาชิกในครอบครัวมากขึ้นจนไม่สามารถใช้ชีวิตตามลำพังได้ ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตและการทำงานของผู้สูงอายุ ภาวะสมองเสื่อมมีอาการที่พบบ่อย เช่น ลืมชื่อคนในครอบครัวหรือเพื่อนสนิทที่พบกันเป็นประจำ ลืมข้อมูลสำคัญอื่น ๆ เช่น การนัดหมาย โดยที่ได้มีการบอกซ้ำหรือจดไว้แล้ว ลืมหมายเลขโทรศัพท์ที่ใช้เป็นประจำ โดยการลืมนี้เป็นการลืมแบบกู้ไม่ขึ้น และส่งผลเสียต่อความสามารถในการทำกิจวัตรประจำวันของผู้สูงอายุ ภาวะสมองเสื่อมมักค่อย ๆ เกิดขึ้นอย่างช้า ๆ และมักมีอาการที่รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนสามารถเห็นได้ชัดเจน มาดูข้อมูลเพิ่มเพื่อให้เข้าใจกันมากขึ้นได้ที่ – อาการแบบไหน ? เป็นภาวะสมองเสื่อม
จุดสังเกตข้อแตกต่างอาการ ขี้ลืม กับ ภาวะสมองเสื่อม
- ความรุนแรงของอาการ : อาการขี้ลืมทั่วไปมักไม่มีผลกระทบต่อความสามารถในการทำงานหรือการใช้ชีวิตประจำวันของผู้สูงอายุ ในทางตรงกันข้ามภาวะสมองเสื่อมมักมีอาการลืมที่รุนแรงและส่งผลต่อคุณภาพชีวิต
- ความเป็นมาของอาการ : อาการขี้ลืมทั่วไปมักเกิดขึ้นเป็นบางครั้ง ในขณะที่ภาวะสมองเสื่อมมักเกิดขึ้นเป็นเวลานานและมีแนวโน้มที่จะเป็นมากขึ้นเรื่อย ๆ
- ผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน : อาการขี้ลืมทั่วไปมักไม่มีผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของผู้สูงอายุ ในขณะที่ผู้ที่มีภาวะสมองเสื่อมจะไม่สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างราบรื่นตามลำพัง
สาเหตุของภาวะสมองเสื่อม
ภาวะสมองเสื่อมมักมีสาเหตุที่เกิดจากหลายปัจจัยแตกต่างกันไป ดังนี้
- การเสื่อมของเซลล์ประสาท : การเสื่อมของเซลล์ประสาทจากการที่มีโปรตีนบางชนิดไปสะสมทำให้เซลล์ประสาทนั้น ๆ ได้รับความเสียหาย ส่งผลต่อปัญหาในการทำงานของสมองได้
- โรคเรื้อรัง : เช่น โรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดสมอง โรคไขมันในเลือดสูง
- อายุ : เมื่อร่างกายมีอายุที่เพิ่มมากขึ้น เซลล์สมองจะมีขบวนการชราภาพเกิดขึ้น ส่งผลให้เซลล์สมองบางส่วนเกิดการตาย และอาจนำไปสู่การเกิดภาวะสมองเสื่อมได้
- พันธุกรรม : หากมีความผิดปกติของพันธุกรรมบางอย่าง อาจทำให้มีความเสี่ยงที่สูงขึ้นในการมีภาวะสมองเสื่อม
ภาวะสมองเสื่อมมีกี่ระยะ
ภาวะสมองเสื่อม สามารถแบ่งระยะแบบง่าย ๆ ออกเป็น 3 ระยะ คือ ระยะเริ่มต้น ระยะกลาง และระยะท้าย โรคสมองเสื่อมมักมีความแตกต่างในระยะความรุนแรงและอาการของแต่ละบุคคล รวมถึงอาจมีอาการเสริมที่เกี่ยวข้อง เช่น ปัญหาทางอารมณ์ ปัญหาพฤติกรรรม และ ปัญหาทางจิตเวช ดังนั้น การดูแลและการรักษาโรคสมองเสื่อมจะต้องปรับตามความเหมาะสมของแต่ละบุคคลและระยะของโรคที่เป็น
วิธีการรักษาและการป้องกันภาวะสมองเสื่อม
โดยทั่วไปแล้วภาวะสมองเสื่อมยังไม่มีวิธีรักษาให้หายขาดอย่างชัดเจน การรักษาภาวะสมองเสื่อมมักมุ่งเน้นไปที่การลดอาการโดยการใช้ยาบางประเภทที่ใช้ในการควบคุมอาการของภาวะสมองเสื่อมและพยายามชะลอให้อาการสมองเสื่อมแย่ลงช้าที่สุดโดยมีวัตถุประสงค์ที่จะให้ผู้ที่มีภาวะสมองเสื่อมสามารถที่จะช่วยเหลือตนเองและอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมได้อย่างปกติและนานที่สุด
ภาวะสมองเสื่อมมีวิธีทางการแพทย์ที่สามารถช่วยลดความเสี่ยงและส่งเสริมให้สมองทำงานได้ดียิ่งขึ้นได้ ดังนี้
- การออกกำลังกาย : การออกกำลังกายเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาสุขภาพของสมอง เนื่องจากมีผลดีต่อการเสริมสร้างเนื้อเยื่อสมองและช่วยให้กระบวนการสมองทำงานได้ดียิ่งขึ้น
- การดูแลสุขภาพทั่วไป : การรักษาโรคที่เพิ่มความเสี่ยงของภาวะสมองเสื่อม เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน และโรคหลอดเลือดสมอง
- การฝึกสมองในผู้สูงอายุ : อาจช่วยเพิ่มความสามารถในการจดจำและการประมวลผลข้อมูลของผู้ที่เริ่มมีอาการขี้ลืม หรือเริ่มมีภาวะสมองเสื่อมในระยะต้นได้
- การดูแลอารมณ์และจิตใจ : การปรับเปลี่ยนการคิดเชิงบวกและการจัดการกับความเครียดอาจช่วยลดการเสี่ยงในการเกิดอาการของภาวะสมองเสื่อม
จะเห็นได้ว่า การตรวจสุขภาพประจำปีเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อจะได้ค้นพบและทำการรักษาโรคที่อาจเป็นปัจจัยเสี่ยงของภาวะสมองเสื่อมในระยะเริ่มต้นได้ทันที และการดูแลสุขภาพที่ดีทั้งร่างกายและจิตใจนับว่าเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะสมองเสื่อมได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมสามารถดูได้ที่ – วิธีป้องกันภาวะสมองเสื่อม
ข้อมูลจาก
ผศ. พญ.อรพิชญา ศรีวรรโณภาส
สาขาวิชาเวชศาสตร์ผู้สูงอายุ ภาควิชาอายุรศาสตร์
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
อย่าลืมกดติดตามช่อง Rama Channel ที่น่าสนใจอีกมากมายได้ที่
Website Ramathibodi: https://www.rama.mahidol.ac.th/
Youtube: https://www.youtube.com/RamachannelTV
Facebook : https://www.facebook.com/ramachannel