หลายคนมักจะแสดงท่าทีรังเกียจคนที่เป็นโรคเชื้อรา เพราะดูสกปรก โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กนักเรียนที่หากว่าใครเป็นโรคนี้ก็จะโดนเพื่อนๆล้ออยู่เสมอ วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับเจ้าเชื้อรานี้กันว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร สามารถป้องกันและรักษาได้โดยวิธีใดได้บ้าง
โรคเชื้อราที่ผิวหนัง แบ่งออกเป็น
โรคผิวหนังชั้นตื้น คือในกลุ่มที่เป็นขี้ไคลบนผิวหนัง กับเชื้อราในผิวหนังชั้นลึกลงมาคือชั้นหนังแท้และที่ติดในชั้นไขมันของเรา
โดยกลุ่มเชื้อราที่พบบ่อยคือ กลุ่มที่เป็นชนิดตื้น ซึ่งแต่ละชนิดจะมีลักษณะเฉพาะ เช่น โรคเกลื้อน จะมีการบวม มีขุยหรือสะเก็ดอยู่บริเวณขอบ อาจมีขอบสี แดง ส่วนโรคกลาก นั้นจะมีลักษณะสีผิวที่เปลี่ยนแปลงไป เป็นวงๆสีขาว หรือบางครั้งอาจจะสีคล้ำขึ้นอยู่บริเวณหน้าอกหรือหลัง
เชื้อราโดยปกติแล้วจะพบได้ตามสิ่งแวดล้อมต่างๆ หากมีปัจจัยการติดเชื้อพร้อม เช่น มีการรับเชื้อ ผิวหนังเสี่ยงการติดเชื้อสูง ก็โอกาสที่จะทำให้เกิดเชื้อราขึ้น
“รา” เป็นสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งที่ไม่ใช่ทั้งพืช สัตว์ แบคทีเรีย ไวรัส หรือโปโตซัว แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม
- ราชนิดที่มีเซลล์เดียว เรียกว่ายีสต์
- ราชนิดที่มีหลายเซลล์ เรียกว่า Mold มีลักษณะเป็นเส้น
- ราชนิดที่เรียกว่า เห็ด
การรักษาโรคเชื้อราที่ผิวหนัง
ส่วนใหญ่สามารถรักษาได้ด้วยการใช้ยาทา ยกเว้นบางกรณี เช่น การติดเชื้อราที่ศีรษะ เส้นผม และที่เล็บ จำพวกนี้ต้องกินยาจึงจะหายขาด ส่วนในกลุ่มคนที่เลี้ยงสัตว์ควรหลีกเลี่ยงการพาเข้าไปเลี้ยงในห้องนอน เพราะเชื้อราที่มาจากสัตว์เลี้ยงค่อนข้างรุนแรง
วิธีการป้องกันการติดโรคเชื้อรา ดังนี้
- รักษาสุขอนามัยพื้นฐาน ตามสุขบัญญัติแห่งชาติเพื่อร่างกายแข็งแรงการติดเชื้อราเกิดในคนภูมิกันต่ำ
- ไม่คลุกคลีกับผู้ที่เป็นโรคเชื้อรา
- เมื่อมีเพศสัมพันธ์ต้องใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้ง
- ใช้ยาตามที่แพทย์แนะนำให้ถูกต้องครบถ้วนและพบแพทย์ตามนัดทุกครั้ง
ข้อมูลจาก
อ. พญ.สาลินี โรจน์หิรัญสกลุ
สาขาวิชาโรคผิวหนัง ภาควิชาอายุรศาสตร์
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี
มหาวิทยาลัยมหิดล