มะเร็งช่องปากเป็นอีกหนึ่งโรคที่อันตรายถึงชีวิต และมีปัจจัยเสี่ยงจากพฤติกรรมในชีวิตประจำวันสำหรับคนบางกลุ่ม เกิดในผู้ชายได้มากกว่าผู้หญิง และจะพบมากในกลุ่มคนที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป
มะเร็งในช่องปากคือ
มะเร็งที่เกิดขึ้นที่ริมฝีปาก มักจะเกิดที่ริมฝีปากล่าง ซึ่งอวัยวะในช่องปากอาจเกิดโรคมะเร็งได้ในทุกตำแหน่ง ได้แก่ ลิ้น กระพุ้งแก้ม ริมฝีปาก เหงือก เพดานปาก พื้นใต้ลิ้น ลิ้นไก่ ต่อมทอนซิล
จากการศึกษาพบว่าปัจจัยบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับการเกิดโรค
ได้แก่ การสูบบุหรี่ การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในกลุ่มคนที่มีพฤติกรรมการสูบบุหรี่และดื่มแอลกฮอล์ จะมีโอกาสเป็นมะเร็งในช่องปากมากกว่าคนปกติถึงประมาณ 15 เท่า รวมถึงการกินหรือเคี้ยวหมากพลู ซึ่งมีสารก่อมะเร็งปะปนอยู่ จึงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคได้
การะระคายเคืองในช่องปากก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญ
เช่น ฟันแตก ขอบฟันคม ทำให้เกิดการกระแทกอยู่ตลอดเวลา ส่งผลให้เนื้อเยื่อในช่องปากเป็นแผล เมื่อเกิดซ้ำอย่างต่อเนื่อง กลายเป็นแผลเรื้อรัง เนื้อเยื่อบริเวณนั้นอาจเกิดการเปลี่ยนแปลงไปเป็นมะเร็งได้ วิธีสังเกตการเกิดโรค หากมีรอยโรคสีขาวหรือสีแดงในปาก อาจเป็นจุดเริ่มต้นที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ เพราะมีโอกาสเปลี่ยนแปลงไปเป็นมะเร็งในช่องปากได้ โดยการเกิดโรคนี้จะค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไปทีละน้อย
มะเร็งในช่องปากมีการแพร่กระจายได้ 3 ทาง คือ
การแพร่ไปยังอวัยวะข้างเคียง การแพร่ไปยังต่อมน้ำเหลืองที่คอ และการแพร่กระจายไปยังกระแสเลือด ที่พบบ่อยคือการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็งไปยังต่อมน้ำเหลืองที่คอ แต่ที่พบในกระแสเลือดมีไม่มากนัก ส่วนใหญ่เกิดในคนที่เป็นมากหรือรุนแรง
มะเร็งที่อยู่ด้านหน้าของช่องปากจะเกิดขึ้นช้ากว่ามะเร็งที่อยู่ด้านหลัง
เช่น มะเร็งริมฝีปากจะเกิดช้ากว่ามะเร็งโคนลิ้น สามารถรักษาได้โดยการผ่าตัด การฉายแสงรังสีหรือเคมีบำบัด มะเร็งในช่องปากอาจทำให้ถึงแก่ชีวิตได้ โดยมีอัตราการรอดชีวิต 5 ปีถึง 50% การพบเจอมะเร็งในระยะแรกจึงส่งผลดีต่อการรักษา ทางที่ดีควรดูแลรักษาช่องปากให้มากขึ้น ในเรื่องของการทำความสะอาด แปรงฟัน และหมั่นพบทันตแพทย์สม่ำเสมอ เพื่อดูแลรักษาโรคในช่องปากตั้งแต่เริ่มต้น
ข้อมูลจาก
ทพญ.ธนพร ทองจูด
ศัลยศาสตร์ช่องปากและแม็กซิลโลเฟเชียล งานทันตกรรม
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี
มหาวิทยาลัยมหิดล