ปลูกถ่ายไต
หน้าแรก
วิธีดูแลผู้ป่วยที่ถูกต้องหลัง ผ่าตัดปลูกถ่ายไต
วิธีดูแลผู้ป่วยที่ถูกต้องหลัง ผ่าตัดปลูกถ่ายไต

หนึ่งในวิธีการรักษาโรคไตที่มีประสิทธิภาพดีทีสุดก็คือการปลูกถ่ายไต ให้ผู้ป่วยดำรงชีวิตต่อไปด้วยไตใหม่ที่สามารถทำงานได้เป็นปกติ โดยไตใหม่ที่ได้รับมานั้นเป็นไตของผู้อื่น ซึ่งบางครั้งอาจทำให้เกิดการต่อต้านของร่างกายได้ถ้ารับประทานยากดภูมิไม่สม่ำเสมอ ขึ้นอยู่กับร่างกายของผู้ป่วยแต่ละราย

ทั้งนี้หลังการปลูกถ่ายไตยังต้องดูแลรักษาร่างกายให้เหมาะสม เพื่อป้องกันการติดเชื้อและการทำงานที่ผิดปกติของไตใหม่ที่ใส่เข้าไปในร่างกาย และเพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับการดูแลหลังปลูกถ่ายไต ครั้งนี้จึงเป็นการนำเสนอข้อมูลโดยละเอียดจากผู้เชี่ยวชาญ

ทำความเข้าใจการบำบัดทดแทนไต

การบำบัดทดแทนไต หมายถึง การบำบัดเพื่อทดแทนไตของผู้ป่วยที่ไม่สามารถทำงานได้เอง ด้วยวิธีต่าง ๆ ให้สามารถดำรงชีวิตต่อไปได้ โดยวิธีการบำบัดทดแทนไตมี 3 วิธี ได้แก่

  1. การฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม
  2. การล้างไตทางช่องท้อง
  3. การปลูกถ่ายไต (การเปลี่ยนไต)

ขั้นตอนการปลูกถ่ายไต

  1. ก่อนการปลูกถ่ายจะมีการชี้แจงข้อดีและข้อเสียของการปลูกถ่ายไตให้ผู้ป่วยรับทราบและยินยอมก่อน
  2. ผู้บริจาคไตและผู้ป่วยที่ตกลงเข้ารับการปลูกถ่ายไตเตรียมตัวให้พร้อมก่อนการปลูกถ่าย
  3. เข้าสู่กระบวนการปลูกถ่ายไต
  4. ผู้ป่วยได้รับการดูแลที่โรงพยาบาลตามขั้นตอน
  5. ผู้ป่วยได้รับการดูแลต่อที่บ้านอย่างเหมาะสม ทั้งการดูแลตัวเองและการดูแลโดยผู้ดูแล

ที่มาของไตที่ใช้ปลูกถ่าย

  • ได้รับจากผู้ที่มีชีวิต
  • ได้รับจากผู้ป่วยสมองตาย (เสียชีวิต)

คุณสมบัติของผู้บริจาคไตที่มีชีวิต

  1. มีอายุเท่ากับหรือมากกว่า 20 ปี และไม่ควรมีอายุเกิน 60 ปี เว้นแต่กรณีที่ผู้บริจาคมีการดูแลสุขภาพได้ดีมาก
  2. ไม่มีภาวะความดันโลหิตสูงที่ควบคุมยาก
  3. ไม่มีโรคเบาหวาน
  4. ไม่มีประวัติเป็นโรคไตเรื้อรัง
  5. มีค่าโปรตีนในปัสสาวะไม่เกิน 300 มิลลิกรัมต่อ 24 ชั่วโมง
  6. มีค่าอัตราการกรองของไตมากกว่า 80 มิลลิลิตร/นาที/1.73 ตารางเมตร
  7. ไม่มีภาวะโรคอ้วนหรือ BMI มากกว่า 35
  8. ไม่เจ็บป่วยด้วยโรคร้ายแรงทางอายุรกรรม
  9. ไม่มีการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี ตับอักเสบซี เอชไอวีที่รักษาไม่ได้
  10. ต้องเป็นญาติโดยสายเลือดหรือคู่สมรสตามกฎหมายข้อบังคับแพทยสภา (จดทะเบียนสมรสอย่างน้อย 3 ปีหรือมีบุตรด้วยกันอย่างน้อย 1 คน)
  11. ต้องไม่เป็นการซื้อขายอวัยวะ

การปลูกถ่ายไตจากผู้ป่วยสมองตาย

ผู้ป่วยสมองตาย คือผู้เสียชีวิตที่มีเซลล์สมองตาย แต่อวัยวะอื่นรวมถึงไตยังสามารถทำงานได้ จึงสามารถนำมาปลูกถ่ายให้กับผู้ป่วยโรคไตได้ ซึ่งต้องผ่านการยินยอมจากญาติหรือมีการแสดงเจตจำนงของผู้ตายเอาไว้ล่วงหน้าในการบริจาคไต ทั้งนี้ไตที่ถูกนำมาใช้ยังต้องผ่านการคัดกรองโดยละเอียดจากแพทย์ก่อนการปลูกถ่าย

ข้อดีของการปลูกถ่ายไต

  • ไม่ต้องฟอกเลือด หรือล้างไตทางหน้าท้อง
  • ร่างกายแข็งแรงขึ้น
  • ไม่ต้องจำกัดน้ำหรือควบคุมอาหาร
  • กลับไปสู่การใช้ชีวิตที่ใกล้เคียงปกติมากที่สุด คุณภาพชีวิตดีขึ้น
  • มีเวลาให้กับตัวเองและครอบครัวมากขึ้น
  • ผู้ป่วยที่อยู่ในวัยเจริญพันธุ์ สามารถมีบุตรได้ปกติ

ข้อเสียของการปลูกถ่ายไต

  • เสี่ยงในการผ่าตัด เช่นเสียเลือด
  • อาจทำให้เกิดการติดเชื้อได้ง่าย
  • อาจทำให้เกิดภาวะปฏิเสธไตได้

การดูแลผู้ป่วยหลังปลูกถ่ายไต

  1. ระวังเรื่องการติดเชื้อในช่วงแรกหลังปลูกถ่ายไต ด้วยการดูแลกิจวัตรประจำวัน เน้นเรื่องความสะอาดของ อากาศอาหารและน้ำดื่มเป็นหลัก โดยเฉพาะช่วง 3 เดือนแรก
  2. หลีกเลี่ยงการยกของหนักเกิน 10 กิโลกรัม เพราะแผลยังไม่สนิท อาจฉีกขาดได้
  3. ระวังอย่าให้แผลเปียกน้ำ และคอยสังเกตแผลสม่ำเสมอ หากบวมแดงควรพบแพทย์
  4. การรับวัคซีนต้องชี้แจงแพทย์ก่อนว่าได้รับการปลูกถ่ายไต
  5. ระวังเรื่องการตากแดดเป็นเวลานาน เพราะผู้ป่วยที่ผ่านการปลูกถ่ายไตยังมีภูมิคุ้มกันไม่แข็งแรง ไม่สามารถซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอจากรังสีอัลตราไวโอเลตได้ และมีความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งผิวหนังมากกว่าคนทั่วไป
  6. ผู้ที่ผ่านการปลูกถ่ายไต จะได้รับยากดภูมิและยาสเตียรอยด์ ส่งผลให้ไขมันในเลือดสูง และความดันในเลือดสูง จึงต้องระวังเรื่องอาหารการกินช่วงแรก ยังต้องหลีกเลี่ยงอาหารรสเค็ม ทางที่ดีควรรับประทานอาหารรสจืด
  7. ต้องคอยติดตามการรักษาตามแพทย์นัดสม่ำเสมอ
  8. สามารถออกกำลังกายได้ แต่ต้องระวังกีฬาที่มีการปะทะหรือเสี่ยงต่อการกระแทกช่องอกและช่องท้อง เช่น ชกมวย เตะบอล เป็นต้น สามารถว่ายน้ำได้ แต่ช่วงแรกต้องระวังเรื่องแผลที่ยังไม่แห้ง

สัญญาณการทำงานที่ผิดปกติของไตใหม่

  1. ร่างกายมีไข้มากกว่า 37.8 องศาเซลเซียส
  2. ความดันตัวบนสูงกว่า 180 หรือปวดศีรษะรุนแรง
  3. เจ็บบริเวณที่ใส่ไตใหม่เข้าไป
  4. บวมตามตัว เช่น ขา หนังตา มือ เท้า น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น
  5. ไอติดต่อกันมากกว่า 2 สัปดาห์
  6. หายใจลำบาก เหนื่อยหอบ
  7. คลื่นไส้ อาเจียน อ่อนเพลีย
  8. ถ่ายเหลวติดต่อกันหลายวัน
  9. มีตุ่มคล้ายเริมขึ้นตามตัว

หากมีอาการที่เป็นสัญญาณการทำงานของไตที่ผิดปกติหลังการปลูกถ่าย ควรรีบพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยโดยละเอียด และถ้าหากพบว่าร่างกายมีการต่อต้าน อาจให้ยากดภูมิต้านทานเพิ่มเติมหริออาจต้องนำไตใหม่ที่ใส่เข้าไปออก และรักษาโรคไตด้วยวิธีอื่นแทน

 

ข้อมูลโดย
คุณพิมพ์ชณก จันท์โชติกุล
พยาบาลวิชาชีพ หัวหน้างานการพยาบาลผู้ป่วยนอก
ฝ่ายการพยาบาลศูนย์การแพทย์สิริกิติ์
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี
มหาวิทยาลัยมหิดล


คลิกชมคลิปรายการ “วิธีการดูแลผู้ป่วย “ปลูกถ่ายไต”ที่ถูกต้อง : Rama Square ช่วง นัดกับ Nurse” ได้ที่นี่

บทความที่เกี่ยวข้อง

บทความเรื่อง โรคคางทูม เกิดจาก การใช้ หลอดดูดน้ำ เดียวกัน จริงหรือ ? มีโอกาสติดโรคได้เนื่องจากสารคัดหลั่งของผู้ป่วยที่มีเชื้อบนหลอดสามารถแพร่เชื้อได้
โรคคางทูม เกิดจากการใช้หลอดดูดน้ำเดียวกัน จริงหรือ ? มีโอกาสติดโรคได้เนื่องจากสารคัดหลั่งของผู้ป่วยที่มีเชื้อบนหลอดสามารถแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่นได้
บทความสุขภาพ
17-04-2024

1

บทความเรื่อง ยาระบาย แก้ท้องผูก ได้จริงหรือไม่ ? ยาระบายจะเข้าไปช่วยให้การขับถ่ายให้กลับมาเป็นปกติ ดังนั้นยาระบายช่วยให้อาการ ท้องผูก หายได้เบื้องต้น
ยาระบาย แก้ท้องผูกได้จริงหรือไม่ ? ยาระบายจะเข้าไปช่วยให้การขับถ่ายให้กลับมาเป็นปกติ ดังนั้น ยาระบายช่วยให้อาการท้องผูกหายได้เบื้องต้นเท่านั้น
บทความสุขภาพ
11-04-2024

1

บทความเรื่อง โรคสะเก็ดเงิน เป็นโรค ผิวหนังอักเสบ เรื้อรังชนิดหนึ่ง ส่วนใหญ่มักจะมีอาการคัน ผิวหนังแดง มีขุยหนา แล้วโรค สะเก็ดเงิน รักษา อย่างไรได้บ้าง ?
โรคสะเก็ดเงิน เป็นโรคผิวหนังอักเสบเรื้อรังชนิดหนึ่ง ส่วนใหญ่มักจะมีอาการคัน ผิวหนังแดง มีขุยหนา แล้วโรคสะเก็ดเงินรักษาอย่างไรได้บ้าง ?
บทความสุขภาพ
10-04-2024

8

บทความเรื่อง ปวดขมับ หรือท้ายทอย คือสัญญาณเตือน โรคไต ! จริงหรือไม่ ? ปวดศีรษะ บริเวณขมับหรือท้ายทอยอาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคไตได้มาสังเกตอาการกันว่าแบบนี้จะเข้าข่ายหรือไม่แล้วเมื่อเป็น โรคไต อาการ จะเป็นอย่างไร ?
อาการปวดศีรษะที่ต้องเฝ้าระวัง หากมีอาการปวดบริเวณขมับหรือท้ายทอยอาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคไตได้ มาสังเกตอาการกันว่าเมื่อปวดขมับหรือท้ายทอยแบบนี้จะเข้าข่ายเป็นโรคไตหรือไม่ !
บทความสุขภาพ
05-04-2024

5