ในภาวะประจำเดือนมามากผิดปกติ เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่คุณผู้หญิงบางคนต้องพบเจอ ทำให้มีคำถามอยู่ว่าภาวะดังกล่าวเป็นอันตรายหรือไม่อย่างไร วันนี้ทางเราก็มีรายละเอียดเกี่ยวกับภาวะประจำเดือนมามากผิดปกติมาฝาก เพื่อทำความเข้าใจร่วมกัน
โดยปกติแล้วผู้หญิงเราจะมีประจำเดือนออกมา 3-7 วันแล้วหมดไป ก่อนจะมาใหม่ในเดือนถัดไปตามลำดับ และมีการใช้ผ้าอนามัยต่อวัน 2-3 แผ่น ขึ้นอยู่กับปริมาณประจำเดือนของแต่ละคน แต่ในคนที่มีภาวะมามากกว่าปกติ มักจะมีปริมาณประจำเดือนที่ผิดไปจากเดิม สามารถสังเกตตัวเองได้โดยการเปรียบเทียบกับภาวะปกติที่ประจำเดือนเคยมาในเดือนก่อนๆ
เช่นในกรณีตัวอย่าง ผู้หญิงวัย 50 ปีหนึ่งราย ในภาวะปกติจะมีประจำเดือน 4-5 วันและต่อวันจะใช้ผ้าอนามัยสูงสุดอยู่ที่ 2 แผ่นเท่านั้น แม้ในวันที่มามาก แต่ในภาวะมามากผิดปกติ ผู้หญิงรายนี้มีประจำเดือนเพียงวันเดียวแล้วหมดไป โดยในวันนั้นมีการใช้ผ้าอนามัยมากกว่าปกติอยู่ที่จำนวน 3-4 แผ่นต่อวัน ในรายดังกล่าวยังมีการพบสูติ- นรีแพทย์ แล้วตรวจพบติ่งเนื้อที่บริเวณมดลูกด้วย
กรณีนี้ที่มีติ่งเนื้อบริเวณมดลูกจะต้องได้รับการตรวจวินัจฉัยละเอียด
โดยการขูดมดลูกเพื่อนำติ่งเนื้อดังกล่าวมาตรวจดู จึงจะสามารถสรุปได้ว่าใช่สาเหตุของประจำเดือนมามากผิดปกติหรือไม่อย่างไร แต่ในกรณีทั่วไปสำหรับคนที่มีประจำเดือนมากผิดปกติ โดยเฉพาะในวัยกลางคนอายุเข้าสู่เลข 5 ซึ่งกำลังจะเข้าสู่วัยทอง มักมีประจำเดือนที่ลดน้อยลง หากพบว่าประจำเดือนมามากกว่าปกตินั้น แสดงให้เห็นถึงความผิดปกติอยู่แน่นอน ส่วนคำถามที่ว่าอันตรายหรือไม่อย่างไร จะต้องได้รับการตรวจละเอียดอีกทีหนึ่ง ซึ่งไม่ควรปล่อยทิ้งไว้และควรได้รับการรักษาโดยเร็วที่สุด
สาเหตุหนึ่งที่สำคัญของปัญหาประจำเดือนมามากผิดปกตินั้นก็คือ
เยื่อบุมดลูกเป็นเนื้อร้ายหรือเป็นมะเร็งในผู้หญิงที่อายุมากขึ้น จึงควรได้รับการตรวจวินิจฉัยโดยเร็ว ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้ เพื่อการรักษาที่ถูกต้องต่อไป โดยปกติแล้วติ่งเนื้อที่บริเวณมดลูก จะไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกคน แต่ก็ไม่ได้แปลว่าคนที่มีติ่งเนื้อนี้เกิดขึ้นจะมีความอันตรายทั้งหมด หากติ่งเนื้อดังกล่าวเป็นเพียงติ่งเนื้อทั่วไปจะไม่เป็นอันตราย แต่ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการระคายเคืองที่เยื่อบุโพรงมดลูก และทำให้ประจำเดือนมามากผิดปกติได้ แต่ถ้าหากเป็นเนื้อร้ายหรือมะเร็งถือเป็นอันตรายร้ายแรงและมีความจำเป็นที่จะต้องตัดทิ้งโดยเร็ว
นอกจากนี้ในภาวะประจำเดือนมามากผิดปกติ อาจทำให้มีอาการแทรกซ้อนอื่นๆ ได้ด้วย ได้แก่ ภาวะเลือดจาง เป็นต้น ทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ไม่สดชื่น ซึ่งควรได้รับการรักษาโดยเร็วเช่นกัน แม้ไม่อันตรายก็ตาม แต่ส่งผลต่อร่างกายในระยะยาว
ข้อมูลจาก
อ.พญ.อรพิชญา ไกรฤทธิ์
ภาควิชาอายุรศาสตร์
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี
มหาวิทยาลัยมหิดล